ถ้าพูดถึงผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หลายๆคนคงนึกถึงผลไม้อย่างฝรั่ง ส้ม หรือมะขามป้อม ซึ่งล้วนเป็นผลไม้มากคุณค่าที่ไม่ได้ให้เพียงแค่รสชาติที่อร่อยถูกปากเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สรรพคุณของผลไม้เหล่านี้ยังมีประโยชน์ต่อการป้องกันโรคร้ายรอบตัวของเราได้ดีอีกด้วย
โดยพระเอกที่จะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือ ‘เจ้ามะขามป้อม’ ผลไม้มากประโยชน์ที่มีผลทรงกลมสีเขียวอมเหลือง เนื้อหนา และมีรสฝาดเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย โดยมากผลไม้ชนิดนี้จะนิยมนำมารับประทานเล่นๆ แต่ใครจะรู้ละว่า ประโยชน์ของมันมีมากมายไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว
มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และปริมาณของวิตามินซีก็ยังสามารถคงสภาพได้เกือบเท่าเดิมแม้ว่าจะผ่านกระบวนการให้ความร้อนอย่างการอบแห้งหรือการเก็บไว้ในสภาวะอุณหภูมิต่ำนานๆ ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจาก ในผลของมะขามป้อมจะมีสารจำพวกพวกแทนนินและสารโพลี่ฟีนอล ซึ่งเป็นสารที่ช่วยป้องกันการเกิดออกซิไดซ์ของวิตามินซี ดังนั้นแม้ว่ามะขามป้อมจะต้องผ่านกระบวนการแปรรูปมาหลายขั้นตอน ผู้บริโภคก็จะยังคงมั่นใจได้ว่า วิตามินซีที่พวกเขาต้องการจากการรับประทานผลไม้ชนิดนี้ จะยังคงมีอยู่ไม่หายไปไหนเลย
วิตามินซีที่พบมากในมะขามป้อมมีมากกว่าในส้มถึง 20 เท่า การรับประทานมะขามป้อมเพียง 1 ผล จึงมีผลให้เราได้รับวิตามินซีที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายสำหรับหนึ่งวันแล้ว แล้ววิตามินซีที่เรารับเข้าไปจากการบริโภคผลมะขามป้อมจะมีประโยชน์ต่างร่างกายอย่างไรบ้างนั้น มาหาคำตอบไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

นอกจากประโยชน์ในด้านการป้องกันการเป็นหวัด หรือป้องกันอาการเลือดออกตามไรฟันแล้ว วิตามินซีที่มีอยู่มากในผลไม้ชนิดนี้ ยังมีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยให้ผิวหน้าแลดูขาวใส ไร้รอยด่างดำ อีกทั้งในมะขามป้อมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ‘เอมบลิคานิน (Emblicanin)’ ที่ช่วยในการลดความหมองคล้ำของผิว ลดการถูกทำลายของผิวจากแสงแดดและอนุมูลเสรี ชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ สารสกัดจากผลไม้ชนิดนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชัน ฤทธิ์ต้านเอนไซม์คอลลาจีเนส (collagenase) และฤทธิ์ต้านเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นผลให้ใบหน้าของคุณแลดูอ่อนเยาว์ ใส และเนียนนุ่มกว่าใครได้ตลอดเวลา จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมผลไม้ชนิดนี้ถึงได้ถูกนำมาใช้เพื่อเสริมความงามบนใบหน้าอย่างแพร่หลายขนาดนี้
ด้วยคุณสมบัติตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงเป็นผลให้มีการนำเอาผลมะขามป้อมมาสกัดเอาสารสำคัญๆ เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง สบู่ หรือครีมทาผิวต่างๆ อย่างไรก็ดี หากใครยังไม่อยากจะต้องเสียเงินในกระเป๋าไปกับการชอปปิ้งผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหล่านี้ ก็ลองเอาวิธีพื้นบ้านที่ใช้ผลมะขามป้อมสดๆมาบำรุงผิวกันดู ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ค่ะ
การใช้มะขามป้อมเพื่อบำรุงผิวหน้า สามารถทำได้โดยการนำผลมะขามป้อมที่แก่จัดมาล้างให้สะอาด จากนั้นเลือกเอาแต่เนื้อมาบดให้ละเอียดให้ได้ประมาณ 1 ช้อนชา แล้วจึงนำไปผสมกับผงขมิ้น 1/2 ช้อนชา ไข่ขาว 1 ฟอง ดินสอพองบด 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี แล้วเติมน้ำสะอาดต้มสุกลงไปเจือจางประมาณ 1/2 ถ้วย ลักษณะของครีมที่ได้จะมีเนื้อที่ข้น วิธีการใช้ก็คือ จะต้องล้างหน้าให้สะอาดเสียก่อน จากนั้นให้นำครีมนี้ไปพอกหน้าทิ้งไว้ 30 นาที เมื่อครบเวลาจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเช่นนี้ต่อเนื่องเพียง 1-2 ครั้ง ก็จะช่วยให้คุณมีผิวหน้าที่ดูกระจ่างใสขึ้นได้แล้ว
แต่สำหรับคุณผู้หญิงท่านไหนที่มีปัญหาเรื่องความมันบนใบหน้า ก็อาจจะต้องปรับสูตรการบำรุงผิวด้วยมะขามป้อมสักเล็กน้อย โดยการเปลี่ยนจากการใช้ไข่ขาวไปเป็นการใช้น้ำแครอทปั่นสดปริมาณ 1/4 ถ้วยแทน การใช้ส่วนผสมของน้ำแครอทนี้จะช่วยลดความมันบนใบหน้าของคุณลงไปได้อย่างดี ส่วนใครที่มีปัญหาผิวแห้งมาก ๆ ก็จะต้องเปลี่ยนส่วนผสมที่เป็นไข่ขาวด้วยเช่นกัน และแทนที่ด้วยน้ำมันงาในปริมาณ 1/4 ถ้วยแทน น้ำมันงาจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าไปพร้อมๆกับการมีใบหน้าที่ขาวสวยดังใจ
นอกเหนือจากคุณประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณแล้ว มะขามป้อมยังอุดมไปด้วย
- วิตามินเอ
- ไนอะซิน (วิตามินบี 3)
- แคลเซียม
- คาร์โบไฮเดรต
- ฟอสฟอรัส
- ธาตุเหล็ก
ซึ่งล้วนแต่เป็นสารอาหารที่ร่างกายมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยามากมายตั้งแต่ช่วย
- แก้หวัด
- แก้กระหายน้ำ
- แก้ไอ
- ละลายเสมหะ
- ลดคอเลสเตอรอล
- ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
- แก้โรคเบาหวาน
- แก้ท้องเสีย
- แก้ตกเลือด
- ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ
- ขับปัสสาวะ
- รักษาเลือดออกตามไรฟัน
- รักษาโรคหนองใน
- รักษาโรคตา
- รักษาคอตีบ
- รักษาอาการตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
เป็นต้น
ด้วยคุณประโยชน์มากมายขนาดนี้ จึงทำให้มีการพัฒนาเอาสารสกัดจากมะขามป้อมมาใช้ในอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม หรือยารักษาโรคต่างๆเพิ่มมากขึ้น การวิจัยและพัฒนาก็มีการดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะดึงเอาประโยชน์ของผลไม้แสนวิเศษนี้ออกมาใช้ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจำเป็นต้องมีการศึกษาคุณสมบัติทุกด้านให้ถี่ถ้วนเสียก่อน จะได้มั่นใจได้ว่าเราจะปลอดภัยจากการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างแท้จริง