การจะมีสุขภาพจิตที่ดีได้นั้นจะต้องอาศัยปัจจัยในหลายๆด้านมาประกอบกัน ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตให้ดีที่จะขอกล่าวถึงในวันนี้ เป็นวิธีการง่ายๆที่เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไรนั้น ไปทำความรู้จักกับมันได้เลยค่ะ
‘การร้องเพลง’ เป็นหนึ่งสิ่งง่ายๆที่จะช่วยคลายความเครียดและสร้างความสุขเล็กๆน้อยๆให้แก่ตัวคุณเองได้ในทุกที่ทุกเวลา ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการช่วยให้สุขภาพจิตถูกชักจูงไปในทางที่ดีเท่านั้น แต่สุขภาพกายก็พลอยแข็งแรงตามไปด้วยอีกต่างหาก

หลายคนอาจจะยังมีคำถามว่า ทำไมการร้องเพลงถึงมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพที่ดีในร่างกายของเรา คำตอบเป็นแบบนี้ค่ะ
การร้องหรือการเปล่งเสียงของมนุษย์ไม่ได้มีไว้เพื่อการสื่อสารเพียงเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในการระบายอารมณ์ ปลดปล่อยอารมณ์ สื่ออารมณ์ และแสดงถึงความทุกข์ สุข เศร้า เหงา หรือรักได้ ด้วยเหตุนี้เอง การเปล่งเสียงร้องจึงเป็นวิธีที่สามารถผ่อนคลายความเครียดที่คุณต้องเผชิญมาตลอดทั้งวัน รวมถึงเป็นการบำบัดร่างกายที่เสื่อมโทรมจากการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกวิธีด้วย มากไปกว่านั้นหากได้ฝึกฝนการร้องเพลงอย่างถูกวิธี ก็ยังจะช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายได้อีกด้วย
ขั้นตอนง่ายในการร้องเพลงเพื่อบำบัด เริ่มต้นจากการ ‘จัดระเบียบร่างกาย’ ให้ถูกวิธีกันก่อน โดยวิธีที่จะขอแนะนำวันนี้เป็นการจัดระเบียบร่างกายตามหลักของ “อเล็กซานเดอร์” ผู้เป็นนักแสดงละครร้องชาวออสเตรเลีย อเล็กซานเดอร์ระบุไว้ว่า “การร้องที่มีพลังมาจากการใช้กล้ามเนื้อที่ถูกวิธี ทั้งที่เป็นกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจและไม่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจ” ซึ่งหากเป็นท่านั่งที่ถูกต้อง จะต้องนั่งให้เต็มก้น ไม่โน้มไปข้างหน้าหรือข้างหลังจนเกินไป เข่าตั้งฉากกับพื้นโดยระยะห่างของหัวเข่าทั้งสองข้างควรเท่ากับความห่างของหัวไหล่ ฝ่าเท้าแบนราบสัมผัสพื้นเต็ม ยืดตัวและผึ่งไหล่พอสบาย
หลังจากจัดท่าเสร็จแล้ว ก็เข้าสู้การ ‘จัดระเบียบจิตใจ‘ กันต่อเลย โดยการจัดระเบียบจิตใจต้องพยายามทำสมาธิเพื่อโฟกัสความสนใจไปยังสิ่งที่จะร้องออกมา ดังนั้น การร้องเพลงจึงมีส่วนช่วยให้เราเพิ่มสมาธิ ผ่อนคลายอารมณ์ภายใน รวมถึงการปล่อยวางทางความคิดในเรื่องที่เครียดได้ ซึ่งถึงแม้ว่าช่วงแรกๆอาจจะยังไม่สามารถควบคุมความฟุ้งซ่านได้ แต่เมื่อฝึกไปเรื่อยๆก็จะพบว่าเราจะมีสติที่มากขึ้น และสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้นนั่นเอง
ส่วนต่อมาก็คือ “การปลดปล่อย” ซึ่งเมื่อเราเตรียมตัวและเตรียมใจในขั้นตอนสองขั้นแรกเสร็จแล้ว ก็เข้าสู่การเปล่งเสียงเพื่อร้องเพลงกันเลย การได้เปล่งเสียงร้องก็เปรียบเสมือนการได้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ รัก หรือเศร้า ให้ออกมาพร้อมๆกับเสียงเพลง ซึ่งการปลดปล่อยอารมณ์ที่ดีจะต้องกล้าร้องออกไปให้เต็มเสียงโดยไม่ต้องกลัวผิดกลัวถูก เพียงเท่านี้อารมณ์ขุ่นมัวที่เคยอยู่ในใจก็จะค่อยๆจางหายไปกับสายลมแล้ว
ส่วนสุดท้าย ก็คือ “ถอดให้ออก” แล้วกลับสู่ตัวตนที่แท้จริง หลังจากที่เราได้ระบายความรู้สึกที่ไม่ดีในใจออกไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องปรับสภาพจิตใจให้กลับสู่สภาวะปกติ เพื่อกลับเข้าสู่ชีวิตความเป็นจริงอีกครั้ง การที่เรายังคิดซ้ำไปซ้ำมาถึงเรื่องเดิมๆจะทำให้เรายังคงมีความเครียดสะสมอยู่ภายในใจ ดังนั้นหลังจากที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์แบบสุดๆไปแล้ว ก็ถึงเวลาปรับความคิดให้เป็นตัวเองอีกครั้ง เพื่อก้าวเข้าสู่วันใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน

มากไปกว่านั้น นอกจากการร้องเพลงจะทำให้มีอารมณ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย เพราะในขณะที่เรากำลังร้องเพลง อวัยวะทุกส่วนในร่างกายจะได้ทำงานสอดประสานไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น สมองที่ดีเนื่องจากจะต้องคอยจดจำเนื้อร้องหรือทำนองต่างๆ หูที่ดีเพื่อใช้ในการฟังจังหวะดนตรีเพื่อออกเสียงร้องให้ตรงตามทำนองที่ควรจะเป็น โพรงอากาศในจมูกที่ดีเพื่อช่วยในเรื่องการหายใจที่ถูกต้องในระหว่างร้องเพลง ลิ้นที่ดีเพื่อใช้เป็นอวัยวะในการควบคุมการเปล่งเสียง หลอดลมที่ดีเพื่อทำหน้าที่ในการขนส่งอากาศจากภายนอกร่างกายเข้าสู่ปอดได้อย่างเป็นระบบ กล่องเสียงที่ดีเพื่อทำหน้าที่ในการป้องกันท่อลมและทำให้เกิดเสียงร้องที่ไพเราะเพราะพริ้ง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอวัยวะภายนอกอย่างกล้ามเนื้อแขน ขา ข้อมือและเท้าที่ดี ที่จะเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนร่างกายให้พริ้วไหวไปตามเสียงเพลง
จะเห็นได้ว่าการร้องเพลงชั่งมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายที่แข็งแรงหรือสุขภาพจิตที่แจ่มใส ซึ่งหากเราสามารถทำได้เช่นนี้ก็ย่อมจะช่วยให้การดำเนินชีวิตประจำวันมีความสุขได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจะหักโหมร้องเพลงตลอดเวลาเสียมากจนเกินไป หรือร้องเพลงโดยใช้เสียงแบบผิดวิธี เพราะการกระทำเช่นนี้จะส่งผลให้เส้นเสียงเกิดการอักเสบ จนไม่สามารถพูดหรือร้องเพลงไปสักระยะหนึ่งได้ ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า ความพอดีจะช่วยให้คุณมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ