การเปลี่ยนสีผมถือเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงและพัฒนาบุคลิกภาพของคุณให้ดูดีขึ้นได้ ซึ่งต่างคนก็ต่างมีจุดประสงค์ในการย้อมผมที่แตกต่างกัน บ้างก็ย้อมเพื่อกลบผมขาว หรือบ้างก็ย้อมเพื่อตามแฟชั่น ในปัจจุบันจึงอาจสังเกตได้ว่ามียาย้อมผมว่าขายกันเกลื่อนท้องตลาด ซึ่งก็ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อหนังศีรษะของคนเราไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
ภาพจาก : http://www.sheknows.com/beauty-and-style/articles/949145/splurge-or-save-should-you-dye-your-own-hair-or-go-to-a-salon
ผลิตภัณฑ์สำหรับย้อมสีผมสามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่ม ตามความคงทนในการติดสี ได้แก่ ยาย้อมผมชนิดชั่วคราว ที่โมเลกุลของสีจะเคลือบอยู่บนเส้นผมเท่านั้น สีชนิดนี้จะหลุดออกง่ายด้วยการสระผมเพียงหนึ่งหรือสองครั้ง อีกชนิดคือ ยาย้อมผมชนิดกึ่งถาวร โมเลกุลสีของยาย้อมผมชนิดนี้จะมีขนาดเล็กกว่าแบบแรกทำให้สามารถซึมผ่านเข้าไปถึงชั้นกลางของเส้นผมได้ สีจะคงทนได้นานประมาณ 3-5 สัปดาห์ และชนิดสุดท้ายคือยาย้อมผมชนิดถาวร สีจากยาย้อมผมชนิดนี้จะติดทนบนเส้นผมนานที่สุด ซึ่งยาย้อมผมชนิดถาวรนี้สามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ชนิด คือ ยาชนิดเคลือบสีผม และยาชนิดซึมเข้าเส้นผม
ทั้งนี้ในยาย้อมผมจำเป็นต้องประกอบไปด้วยสารเคมีชนิดต่างๆเพื่อให้มีความสามารถในการเปลี่ยนสีผมได้ ตัวอย่างของสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพหนังศีรษะ เช่น สารพาราโทลูอีนไดอะมีน (p-Toluenediamine, PTD) สารตัวนี้ทำหน้าที่สำคัญโดยการเป็นสีที่ใช้ในการเปลี่ยนสีผม มีลักษณะเป็นแผ่นหรือเป็นผลึกที่ไม่มีสี สารนี้อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและตาได้ สารอีกชนิดที่มีอันตรายค่อนข้างมากก็คือ พาราฟีนิลีนไดอะมีน (p-Phenylenediamine, PPD) สารตัวนี้มีลักษณะเป็นผลึกสีขาวหรือแดง และสีจะเข้มขึ้นเป็นสีน้ำเงินอมดำเมื่อสัมผัสอากาศเนื่องมาจากสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการเป็นตัวรีดิวซ์อย่างรุนแรง หากแพ้มักมีอาการหน้าบวม คอบวม เกิดผื่นแดง ผิวหนังอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ ไอ จาม วิงเวียนหรือหายใจไม่ออก
เนื่องจากความอันตรายที่ค่อนข้างสูงของยาย้อมสีผม ดังนั้นหากใครคิดจะใช้ควรศึกษาวิธีใช้และผลกระทบให้ดีเสียก่อน และควรหลีกเลี่ยงการย้อมผมหากมีแผลบนหนังศีรษะ เพื่อให้สีผมใหม่ของคุณสวยและความปลอดภัยไร้กังวล