ใกล้สิ้นปีเข้ามาทุกที อากาศก็เริ่มหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับแพลนเที่ยวต้อนรับลมหนาวที่ยาวไปจนถึงปีหน้า ทำให้หลายๆคนต้องรีบหาเสื้อกันหนาวมาใส่เพื่อเพิ่มความอบอุ่นกันสักหน่อย แต่เสื้อกันหนาวที่มีนั้น ก็มีให้เลือกตั้งหลากหลายแบบ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าควรเลือกแบบไหนดี วันนี้เรามาเรียนรู้เทคนิคการเลือกเสื้อกันหนาวให้เข้ากับอากาศหรือสถานที่กันดีกว่า พร้อมแล้ว ลุยยย…

    ก่อนอื่นเลยต้องทำการบ้านศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนว่า สถานที่ที่เราจะไปเที่ยวนั้นมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเท่าไร โดยหากเป็นฤดูหนาวในจังหวัดทางภาคเหนือของไทย หรือประเทศแถบตะวันตกในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มักจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส ซึ่งจัดว่าเป็นช่วงอุณหภูมิกำลังดีที่กำลังเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณนี้คุณสามารถนำเสื้อยืด กระโปรง หรือเดรสลำลองที่ใส่ในหน้าร้อนมาปรับใส่กับอากาศแบบนี้ได้ โดยอาจจะนุ่งเลกกิ้งส์ (leggings) ไว้ด้านในเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่เรียวขา และสวมแจ็กแก็ตบางๆ คาร์ดิแกนแขนยาว หรือเสื้อกันหนาวแบบไม่หนามาก เท่านี้ก็สร้างความอบอุ่นได้แล้ว ส่วนรองเท้าก็อาจจะใส่เป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าบู้ทสั้นแบบครึ่งข้อก็ได้แล้วแต่ความชอบส่วนตัว

    แต่ถ้าใครไปเที่ยวในสถานที่ที่หนาวเย็นมากขึ้นอีกที่อุณหภูมิประมาณ 1-15 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ตามยอดดอยต่างๆในฤดูหนาวของประเทศไทย หรืออุณหภูมิในช่วงเริ่มเข้าฤดูหนาวของประเทศแถบตะวันตก การแต่งกายแบบเดิมก็คงจะเอาไม่อยู่แล้ว ดังนั้น ชุดกันหนาวที่เตรียมไปก็จะต้องมีความหนาที่เพิ่มขึ้น โดยเสื้อกันหนาวที่เหมาะต่อสภาวะอากาศเช่นนี้ควรเป็นเสื้อปิดคอ แขนยาว หรือเสื้อสเวตเตอร์หนาๆที่มีเส้นใยผสมขนสัตว์ คลุมทับอีกชั้นด้วยแจ็กเก็ตหรือเสื้อโค้ทที่มีฮู้ดไว้เพื่อช่วยกันลมเย็นๆที่พัดเข้ามาปะทะกับผิวหน้าของเรา นอกจากนี้อาจจะใส่เสื้อบางๆไว้ข้างในอีกชั้น ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายมากขึ้นไปอีก ส่วนกางเกงก็อาจมีการใส่ลองจอห์นไว้ด้านใน แล้วทับด้วยกางเกงยีนส์อีกชั้นก็อุ่นดีไม่เบา ส่วนรองเท้าก็อาจจะใส่เป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าบูธก็ได้ ตามแต่ที่คุณจะสะดวก

    สุดท้ายกับการท้าลมหนาวที่อุณหภูมิติดลบอย่างประเทศในแถบใกล้ขั้วโลก เช่น รัสเซีย แคนาดา หรืออเมริกาตอนเหนือ สำหรับคนที่เบื่ออากาศร้อนๆที่เมืองไทยและอยากจะไปสัมผัสความเหน็บหนาวแบบจับขั้วหัวใจ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะต่อสภาวะอากาศนั้นๆไปให้พร้อมด้วย สำหรับเสื้อควรจะมีหลายๆชั้น โดยอาจจะใส่ลองจอห์น หรือเสื้อหนาๆสักตัวไว้ด้านใน ทับด้วยแจ็กเก็ตเสื้อขนอ่อน หรือเสื้อไหมพรมแบบผสมขนสัตว์สัก 40% ขึ้นไป ปิดท้ายด้วยเสื้อโค้ทขนเป็ดทับอีกสักชั้นก็จะช่วยกันลมหนาวได้ดีที่ ส่วนกางเกงแนะนำให้ใส่เป็นกางเกงยีนส์ผ้าหนาๆ หรือในกรณีที่ต้องเผชิญอยู่ท่ามกลางหิมะก็แนะนำให้ใส่กางเกงผ้าร่มที่บุด้วยขนอ่อนและกันเปียกได้ ที่สำคัญที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ถุงเท้าและรองเท้า โดยถุงเท้าจะต้องหนาไว้ก่อนหรือมีส่วนผสมของขนสัตว์เพื่อเพิ่มความอบอุ่น ส่วนรองเท้าควรจะเป็นรองเท้าบูทสูงที่เหมาะสำหรับเดินบนหิมะได้ นอกจากนี้ก็ควรมีออฟชั่นเสริมเป็นผ้าพันคอหนาๆ ถุงมือกันเปียกกันลม หรือที่ปิดหูเพิ่มเข้ามา เพื่อช่วยกันหนาวอีกทางหนึ่งด้วย

    หลังจากรู้ว่าควรเลือกชุดแบบไหนไปแล้ว ก็มาถึงการเลือกสีที่ตนเองชอบกันบ้าง ซึ่งหากต้องการความคลาสสิค คุ้มค่า และสามารถใส่ได้ทุกเทศกาลแล้วล่ะก็ สีเอิร์ทโทนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีเทา สีคราม ก็จัดเป็นโทนสีที่สามารถใส่ได้นาน ไม่ค่อยเก่า และเข้ากับเสื้อผ้าอื่นๆได้ง่าย แต่ถ้าอยากเพิ่มสีสันให้กับชีวิต ไม่ให้วันหนาวๆเหงาๆน่าเบื่อจนเกินไป ก็ควรเลือกเสื้อกันหนาวแบบที่มีสีสันสดใส ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า หรือสีชมพู ก็ดูสวยงามและดูสะดุดตาได้ไม่แพ้กัน เพียงแต่ควรเลือกสีเสื้อให้เข้ากับสีผิวของคุณด้วย จะได้ดูดีได้มากที่สุดนั่นเอง

    อีกสิ่งที่สำคัญ ก็คือ คุณภาพของผ้าที่นำมาทำเป็นเสื้อกันหนาว เพราะหากเราเน้นแต่เฉพาะสีหรือรูปแบบที่ถูกใจจนลืมนึกถึงเรื่องคุณภาพ ก็อาจมีผลให้ใส่ไม่สบายหรือรู้สึกรำคาญจนไม่อยากใส่ไปตลอดวันก็เป็นได้
    นอกจากจะต้องรู้ว่าควรจะใส่เสื้อแบบไหนเพื่อกันหนาว หรือใส่สีอะไรเพื่อความสวยงามแล้ว ไซส์ที่เลือกซื้อก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้เลย เสื้อกันหนาวที่ดีไม่ควรมีขนาดพอดีตัวมากเกินไป และก็ไม่ควรใหญ่เทอะทะเกินตัว แต่ควรหลวมกว่าขนาดตัวของเราเล็กน้อยประมาณหนึ่งเบอร์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถใส่ได้สบายและเคลื่อนไหวตัวได้สะดวกมากขึ้นนั่นเอง

    หลังจากที่เราเลือกซื้อเสื้อกันหนาวที่ถูกกายและถูกใจกันไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ากันเสียที ยังไงก็ขอให้การท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ของคุณเต็มไปด้วยความสุขและอบอุ่นไปตลอดการเดินทางนะคะ