โลกในยุคปัจจุบันเริ่มจะอยู่ยากขึ้นทุกทีๆ เพราะทั้งมลพิษจากอากาศ แสงแดด หรือสารเคมีจากของใช้ประจำวันที่อยู่ใกล้ตัว เริ่มจะเข้ามามีอิทธิพลและส่งผลให้เราล้มป่วยได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม การดูแลตัวเองด้วยการล้างพิษบางอย่างออกจากร่างกายที่เรียกกันว่าดีท็อกซ์ จึงเปรียบเสมือนการกดปุ่มรีเฟรชให้กับตัวเอง และน่าจะทำให้คุณกลับมารู้สึกสดชื่นขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง

เปิดเคล็ดลับหุ่นสวยสุขภาพดีด้วยวิธีดีท็อกซ์
การดีท็อกซ์ (Detox) หรือการล้างพิษ เป็นวิธีที่นอกจากจะช่วยให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณมีหุ่นสวยกระชับ ผิวขาวใส และดูดีขึ้นได้แบบทันตาเห็น ใครก็ตามที่กำลังมีอาการดังต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็น การปวดศีรษะบ่อย หงุดหงิดง่าย ปวดเมื่อยหลัง ไหล่ และลำคอ มีแผลร้อนในในปากเป็นประจำ หน้าตาหมองคล้ำ ผิวพรรณหยาบกร้าน ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายไม่ค่อยออก หรืออาจจะกำลังสนใจวิธีการดีท็อกซ์แบบง่ายๆด้วยตนเอง เขยิบเข้ามาสิค่ะ เราจะอธิบายให้คุณฟังเอง
เชื่อหรือไม่ค่ะว่า 90% ของความเจ็บป่วยที่คนในยุคปัจจุบันเป็นกันอยู่มีต้นเหตุมาจากลำไส้ทั้งสิ้น เนื่องจากในทุกๆวันที่ผ่านไป คนเรามักจะมัวแต่คอยดูแลอวัยวะที่อยู่ภายนอกร่างกาย เช่น ใบหน้า ผิวหนัง เส้นผม เป็นต้น จนลืมนึกถึงอวัยวะภายในที่สำคัญอย่างลำไส้ ซึ่งแม้ว่าตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เห็นว่า การดำเนินชีวิตในรูปแบบดังกล่าวจะมีผลเสียต่อร่างกายมากสักเท่าไร แต่เมื่อใดที่คุณมีอายุมากขึ้น ความเสื่อมถอยต่างๆก็จะค่อยๆปรากฎตัวออกมาพร้อมๆกันแบบไม่ทันตั้งตัวเชียวละค่ะ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สายเกินไปที่เราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างเพื่อปรับปรุงคุณภาพของอวัยวะภายในด้วยการล้างพิษ ซึ่งรูปแบบการล้างพิษในร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การอาบ การอบ การนวด การสวนล้างลำไส้ การฝึกสมาธิ หรือแม้กระทั่ง “การกิน” ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้นี่เอง

เปิดเคล็ดลับหุ่นสวยสุขภาพดีด้วยวิธีดีท็อกซ์
วิธีการสำคัญที่จะช่วยล้างลำไส้ได้เป็นอย่างดีก็คือ “การกระตุ้นด้วยใยอาหาร” ซึ่งทำได้โดยการหมั่นรับประทานอาหารที่มีใยอาหารจากธรรมชาติ ใยอาหารจะไปทำหน้าที่ล้างสิ่งปฏิกูลที่ติดค้างอยู่ภายในให้หลุดออกไปพร้อมอุจจาระได้ ซึ่งรูปแบบของใยอาหารที่ควรบริโภคสามารถหาได้จากผัก ผลไม้ และธัญพืช ซึ่งถือเป็นแหล่งของใยอาหารที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถรับประทานผักหรือผลไม้ได้ ก็อาจจะเลือกรับประทานใยอาหารที่มีวางจำหน่ายในรูปแบบของอาหารเสริม ก็พอที่จะทดแทนการรับประทานใยอาหารจากธรรมชาติได้บ้าง รับรองได้เลยว่าการออกกำลังกายลำไส้ด้วยวิธีนี้ จะทำให้คุณรู้สึกโล่งท้องขึ้นได้อย่างแน่นอน
ไม่เพียงแค่ใยอาหารเท่านั้นที่สำคัญแต่ “การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ” ก็จำเป็นต่อร่างกายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการได้รับใยอาหารเลย เพราะการรับประทานใยอาหารควบคู่ไปกับการดื่มน้ำ จะทำให้ใยอาหารสามารถดูดซึมน้ำเอาไว้ และช่วยกระตุ้นการเคลื่อนตัวของอุจจาระให้ออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ดังนั้นหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ก็ล้วนทำให้จุดประสงค์การล้างลำไส้ไม่สำเร็จตามที่คาดคิดเอาไว้แน่นอน นอกจากนี้ น้ำยังเป็นตัวการสำคัญในการรักษาสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย การขาดน้ำจึงทำให้ระบบต่างๆภายในร่างกายแปรปรวน และทำให้การขับถ่ายของเสียออกทางปัสสาวะบกพร่องไป โดยจะสังเกตได้ว่าหากปัสสาวะเริ่มมีสีเหลืองเข้ม แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องเพิ่มน้ำให้แก่ร่างกายแล้วละ
มาถึงของต้องห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงกันบ้างดีกว่า หากใครที่กำลังอยากจะล้างลำไส้ให้สะอาดควรจะต้องลด ละ หรือเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะถึงแม้ว่าเครื่องดื่มประเภทนี้จะยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่บ้าง แต่ปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมก็ไม่ควรเกินครั้งละ 2 หน่วยบริโภค ซึ่งหากเกินกว่าปริมาณที่เหมาะสมนี้ ก็มีแต่จะทำให้สุขภาพของคุณพังลงเท่านั้น เพราะเครื่องดื่มชนิดนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมาก ให้แคลอรี่สูง และทำให้ขาดสติได้ ไม่เพียงแต่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่คอกาแฟทั้งหลายก็ควรจะจำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนให้ไม่มากจนเกินไปด้วย โดยปริมาณการดื่มกาแฟที่จะทำให้ไม่มีผลต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ไม่ควรจะดื่มเกินวันละสองแก้ว และยิ่งถ้าคุณสามารถดื่มได้น้อยลงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีผลดีต่อร่างกายมากขึ้นเท่านั้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้นของการเลือกรับประทานอาหารจากธรรมชาติที่จะช่วยให้คุณมีลำไส้ที่สะอาดมากขึ้นได้ ซึ่งหากคุณสามารถปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมจะช่วยให้แบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกต่างๆที่เป็นโทษต่อร่างกายถูกชะล้างออกไป ไม่เกิดเป็นสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ อีกทั้งกล้ามเนื้อลำไส้ก็จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย มากไปกว่านั้นยังเชื่อมโยงกับอวัยวะอื่นๆในร่างกาย เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด เป็นต้น ที่จะมีผลให้ประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆถูกพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีกด้วย