โยคะ เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายสุดฮิตของคนไปทั่วโลกรวมไปถึงสาวไทยในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสาวเล็ก สาววัยรุ่น หรือสาวใหญ่ ก็สามารถใช้โยคะเป็นเครื่องมือในการบริหารร่างกาย ลดความอ้วน หรือสร้างสุขภาพที่ดีได้แทบทั้งสิ้น ซึ่งการเล่นโยคะก็มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่ถ้าจะเอ่ยถึงโยคะสุดฮิต คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ “โยคะร้อน” กันหรอกใช่หรือละค่ะ

    แต่บางคนก็อาจแค่เพียงได้ยินชื่อ แต่ยังไม่ทราบถึงหลักการในการบริหารร่างกายและจิตใจด้วยวิธีดังกล่าวนี้อย่างแท้จริง บางคนยังคงมีคำถามในใจว่า ทำไมต้องร้อน? ทำไมต้องฝึกลมหายใจ? ทำไมต้องทรมานร่างกายด้วยท่าทางแสนประหลาด? ทุกข้อสงสัยจะถูกไขคำตอบในที่นี่แน่นอนค่ะ

     โยคะร้อนเป็นโยคะอีกรูปแบบหนึ่งที่ประกอบไปด้วยท่าหลักทั้งหมด 26 ท่า ผู้ฝึกจะฝึกในห้องที่มีอุณหภูมิสูงใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายในร่างกาย หรือประมาณ 36-37 องศาเซลเซียส ซึ่งการฝึกโยคะให้ห้องที่มีความร้อนสูงกว่าปกตินี้ จะทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้มากกว่าเดิม ท่าต่างๆของโยคะร้อนจะช่วยกระชับกล้ามเนื้อทุกๆส่วนของร่างกาย ช่วยกำจัดของเสียออกมาในรูปเหงื่อ ช่วยลดความอ้วน ช่วยลดปัญหาการปวดหลังและคอ และยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีกด้วย

     โยคะร้อนสามารถเล่นได้ในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้ที่ผ่านการฝึกมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากท่าทางที่ใช้ในการเล่นโยคะร้อนจะอยู่ในระดับพื้นฐาน ที่เน้นในด้านความยืดหยุ่น ความแข็งแกร่ง และสมดุลของร่างกาย โดยผู้ฝึกต้องอาศัยความอดทนในการยืดเหยียดร่างกายให้ได้มากที่สุด ร่วมไปกับการทำสมาธิเพื่อกำหนดลมหายใจให้เป็นระบบ ซึ่งระยะแรกของการฝึก ผู้ฝึกอาจรู้สึกว่ากำลังออกท่าทางที่ฝืนธรรมชาติ แต่เมื่อฝึกไปได้สักพักจะรู้เลยว่า ท่าทางเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
การฝึกโยคะร้อนเป็นการเคลื่อนไหวท่าทางเพื่อสร้างบุคลิกภาพที่ดี พร้อมๆไปกับการทำรูปร่างให้สวยงาม เนื่องจากการที่เราได้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยท่าทางต่างๆ จะทำให้ไขมันส่วนเกินที่แอบซ่อนอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ถูกเผาผลาญและค่อยๆสลายหายไป เชื่อหรือไม่ค่ะว่า การเล่นโยคะร้อนเพียง 90 นาที
จะสามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 400-600 กิโลแคลอรี่ ซึ่งนับว่าเป็นการออกกำลังกายที่มีผลดีต่อการลดน้ำหนักอย่างแท้จริง อีกทั้งโยคะร้อนยังเป็นการกระชับสัดส่วนให้สวยงามเข้ารูป ซึ่งผิดกับการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร ที่มีผลให้คุณดูผอมแต่แห้งเหี่ยวไม่มีน้ำมีนวล นอกจากนี้ การฝึกโยคะร้อนเป็นประจำจะทำให้ร่างกายมีกระบวนการเผาผลาญพลังงานที่ดีขึ้น อาหารที่เรารับประทานเข้าไปจะถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังงานได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยฝึกโยคะเลย ดังนั้น หากเปรียบเทียบคนสองคนที่รับประทานอาหารชนิดเดียวกัน คนที่ผ่านการฝึกโยคะร้อนย่อมสามารถลดการสะสมของไขมันส่วนเกินตามร่างกายได้ดีมากกว่า

    ใครที่เคยบาดเจ็บจากการโหมออกกำลังกายอย่างหนัก จนอาจจะไม่สามารถใช้อวัยวะหรือข้อต่อบางส่วนอย่างหนักได้ สามารถใช้โยคะร้อนเพื่อออกกำลังและเผาผลาญพลังงานแทนได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็เพราะโยคะร้อนจะช่วยให้ข้อต่อต่างๆแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเน้นที่การยืดกล้ามเนื้อให้ตึงแทนการใช้แรง โครงสร้างของร่างกายในส่วนต่างๆจึงปลอดภัย และไม่ต้องกลัวว่าจะเจ็บตัวในขณะที่ฝึก

    อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังเล็กน้อยที่ต้องเรียนรู้ไว้ก่อนที่จะลองฝึกโยคะร้อน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย และจะได้รับประโยชน์จากการเล่นให้ได้มากที่สุด สิ่งสำคัญประการแรกก็คือ ‘การเล่นโยคะร้อนเสี่ยงต้องการเป็นลมได้ง่าย’ เนื่องด้วยวิธีการในการฝึกมีการเสียเหงื่อที่มากกว่าการออกกำลังกายโดยวิธีทั่วไป อีกทั้งบางท่าทางจะต้องมีการก้มๆเงยๆ ซึ่งมีผลให้คุณเกิดอาการหน้ามืดได้ง่ายขึ้น วิธีการป้องกันที่ถูกต้องจึงเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม โดยควรสำรองน้ำดื่มไว้ข้างกายตลอดเวลาที่มีการฝึก หากรู้สึกเสียเหงื่อมาก ก็ให้จิบน้ำเล็กน้อยเพื่อชดเชยน้ำเหงื่อที่สูญเสียไป แต่ถ้ารู้สึกตัวว่าเริ่มจะไม่ไหวจริงๆ ให้หยุดเล่นแล้วออกไปสูดอากาศภายนอกสักพัก เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงค่อยกลับมาฝึกต่ออีกครั้ง

    เรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การฝึกเล่นโยคะร้อนติดต่อกันเป็นเวลานานๆ 1-2 ปี โดยไม่ดูแลตัวเองให้ถูกวิธี อาจทำให้เราเป็นโรคเกี่ยวกับความดันเลือดได้ เนื่องจากการเล่นโยคะร้อนจะทำให้เราสูญเสียน้ำในร่างกายไปเป็นจำนวนมาก หากเราไม่มีการดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป วิตามินและแร่ธาตุจะสูญเสียไปมาก จนส่งผลต่อระบบการไหลเวียนของเลือด และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้
การเล่นโยคะอย่างความสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 วัน จะช่วยปรับสมดุลของร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรง บริหารกล้ามเนื้อส่วนหัวใจ เพิ่มบุคลิกภาพ และช่วยให้มีรูปร่างกระชับสมส่วนได้ดังใจปรารถนา สาวๆคนไหนที่ยังไม่เคยออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ อยากให้คุณลองมาเปิดประสบการณ์ดูสักครั้ง แล้วจะพบว่าโยคะร้อนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายไม่น้อยหน้าการออกกำลังด้วยวิธีการอื่นๆเลยละค่ะ