ปาท่องโก๋ชิ้นพอดีคำ กรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับน้ำเต้าหู้รสชาติอร่อย น่าจะเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเช้ายอดฮิตของคนที่ไม่ค่อยมีเวลาที่จะเตรียมทำอาหารสักเท่าไร อาหารที่ว่านี้สามารถหารับประทานได้ทั่วไป ตั้งแต่รถเข็นข้างทางไปจนถึงภัตตาคารชั้นนำ และเนื่องจากการเป็นอาหารทานง่าย อยู่ท้อง และรสชาติอร่อย จึงทำให้เมนูปาท่องโก๋เข้าไปนั่งอยู่ในใจใครหลายต่อหลายคนอยู่เสมอ

ปาท่องโก๋ไม่ได้มาพร้อมกับความอร่อยเพียงเท่านั้น แต่มันยังแฝงภัยเงียบที่แอบซ่อนไว้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว การรับประทานอาหารจำพวกนี้ในปริมาณมาก จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆมากมาย โดยที่คุณเองก็อาจจะยังคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ
ความอันตรายในปาท่องโก๋ไม่ได้อยู่ที่ส่วนผสมหรือแป้งที่นำมาเป็นวัตถุดิบหลักแต่อย่างใด เพราะถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนขึ้น แต่มันก็สามารถถูกกำจัดออกไปได้ด้วยการออกกำลังกาย แต่ภัยอันตรายร้ายแรงที่ทำให้ปาท่องโก๋แสนอร่อย ตกเป็นผู้ต้องหาในการทำลายสุขภาพนั้น อยู่ที่ ‘น้ำมัน’ ที่ใช้ในการทอดต่างหากละ
หากเลือกจะทอดอาหารให้กรอบอร่อยน่ารับประทาน พ่อค้าแม่ค้าก็มักจะนิยมเลือกน้ำมันชนิดที่มีไขมันอิ่มตัว เพราะจะสามารถทอดอาหารได้อร่อย ไม่เหม็นหืน และน่ารับประทานมากกว่า ยิ่งเป็นปาท่องโก๋ด้วยแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความหอม กรอบ และอร่อย เพื่อจูงใจให้คุณลูกค้าแวะมาอุดหนุนกันให้ได้มากที่สุด
แต่ในด้านของความปลอดภัย การจะคาดหวังให้พ่อค้าแม่ค้าใช้แต่น้ำมันคุณภาพดีคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไร หากการค้าขายยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำว่า ‘กำไรและขาดทุน’ ยิ่งพ่อค้าสามารถลดต้นทุนการผลิตได้มากเท่าไร โอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้ามาในกระเป๋าสตางค์ก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง การเลือกใช้น้ำมันจึงไม่ได้มีการควบคุมคุณภาพให้ดีเท่าที่ควร การวนเอาน้ำมันกลับมาทอดซ้ำไปเรื่อยๆ จึงถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เราเห็นกันจนชินตา

เมื่อพิจารณาข้อมูลงานวิจัยที่ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้น้ำมันทอดซ้ำของพ่อค้าแม่ค้า พบว่า มีการใช้น้ำมันทอดซ้ำโดยที่ไม่มีการเติมน้ำมันใหม่ถึงร้อยละ 65 และส่วนใหญ่มีการทอดซ้ำมากกว่า 30 ครั้ง การจะเลือกซื้อแต่ปาท่องโก๋ที่ไม่ทอดน้ำมันซ้ำหรือไม่มีการหมุนเวียนน้ำมันกลับมาใช้ใหม่ น่าจะเป็นเรื่องยากมากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร เพราะคงไม่มีใครคิดที่จะตรวจสอบน้ำมันก่อนจะเลือกรับประทานอาหารกันหรอก โดยส่วนใหญ่การจะเลือกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อน่าจะมีปัจจัยสำคัญมาจากหน้าตาและความหอมหวนชวนทานของอาหารนั้นๆเสียมากกว่า
เมื่อเราตรวจสอบถึงแนวโน้มสถิติของประชากรชาวไทย ก็จะพบว่า โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบ โรคหัวใจวาย โรคอัมพฤกษ์ หรือโรคมะเร็ง มีแนวโน้มของผู้ป่วยที่พุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ หนึ่งในสาเหตุสำคัญก็เกิดมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำนี่เอง
เหตุใดการรับประทานน้ำมันทอดซ้ำจึงอันตรายมากถึงเพียงนี้ คำตอบอยู่ที่โครงสร้างของน้ำมันที่ถูกดัดแปลงรูปร่างหลังจากผ่านการให้ความร้อนสูงเป็นเวลายาวนาน โครงสร้างของน้ำมันจะถูกบิดไปเป็นสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น ‘สารโพลาร์’ สารประกอบที่เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือ ‘สารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (PAH)’ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง โดยหากเป็นสาร PAH ไม่ได้มีอันตรายแค่เพียงการรับประทานเท่านั้น แต่การได้รับไอระเหยของน้ำมันที่เสื่อมสภาพก็มีโอกาสได้รับสารก่อมะเร็งอยู่ด้วยเช่นกัน ใครที่สูดดมไอระเหยบ่อยๆจึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ไม่น้อยไปกว่าการรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำเลย
ทางแก้ไขเพื่อเลี่ยงโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรค จึงเป็นการพยายามเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำให้น้อยลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้เพื่อลดปริมาณการสะสมสารอันตรายดังกล่าวจากอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำนั่นเอง หรืออย่างน้อยก็ต้องพยายามเลือกร้านที่ใช้น้ำมันที่ดูสะอาด และสีเหลืองใส เพราะนั่นหมายความว่า อาหารที่เราจะได้รับจะมีความปลอดภัยจากการใช้น้ำมันคุณภาพดีที่มากกว่า นอกจากนี้ ก็ต้องรับประทานอาหารอื่นๆให้หลากหลาย ไม่รับประทานแต่เพียงปาท่องโก๋ซ้ำๆเพียงอย่างเดียว ดังที่เรามักจะเห็นกันว่า ปาท่องโก๋จะไม่ทานกันเดี่ยวๆ แต่มันจะต้องรับประทานคู่กับน้ำเต้าหู้หรือโจ๊กหมูสับ นั่นไงละค่ะ
ไม่ใช่แค่ปาท่องโก๋เท่านั้นที่จะต้องระวังเรื่องน้ำมันที่ใช้ แต่อาหารประเภทอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันทอดในปริมาณมาก ก็ล้วนเสี่ยงต่อการวนเอาน้ำมันกลับมาทอดซ้ำเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์หรือมันฝรั่งทอด ลูกชิ้นทอด เต้าหู้ทอด หรือถั่วทอด ก็ถือเป็นอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายจากน้ำมันไม่ต่างกันเลย
การรับประทานอาหารทอดสามารถรับประทานได้ เพียงแต่ต้องมีข้อจำกัดบางอย่างเพื่อทำให้ร่างกายของเราปลอดภัยให้ได้มากที่สุด เมื่อใดก็ตามที่เราพยายามฉีกกฎระเบียบที่ร่างกายยอมรับได้ และอัดสิ่งที่เลวร้ายเข้าสู่ร่างกายจนสะสมเป็นเวลานานหลายสิบปี ย่อมมีผลทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อมโทรมและง่ายต่อการถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อมต่างๆมากขึ้น
การมีสุขภาพดีไม่สามารถซื้อหาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่สามารถหาได้จากการตั้งใจเลือกรับประทานอาหารที่ดี เท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นได้แล้วละค่ะ