ช่วงต้นปีแบบนี้ ผลไม้สุดฮิตที่ใครๆก็ต่างตั้งตารอคอยมาตลอดทั้งปีอย่าง “สตรอเบอร์รี่” คงจะเป็นผลไม้ที่สุกงอมรอการเก็บเกี่ยวพอดี ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวอมหวาน กลิ่นรสเฉพาะตัว และมีสีสันที่สวยสด ทำให้หลายๆคนแทบอดใจไม่ไหว จนต้องซื้อมารับประทานกันให้หายอยากซะทุกที

แต่เจ้าผลไม้ชนิดนี้อาจมีอันตรายมากกว่าที่คุณคิด เพราะการปลูกสตรอเบอร์รี่จำเป็นจะต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้ออกมาซึ่งผลสตรอเบอร์รี่ที่น่ารับประทาน ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตบางรายจึงมีการใช้ยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันไม่ให้ผลิตผลเสียหายจากการปลูกตามธรรมชาติ และเป็นที่มาของอันตรายที่ผู้บริโภคอาจได้รับไปโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ยังไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการรับประทานสตรอเบอร์รี่แบบที่ได้ทั้งความอร่อยถูกใจ แถมไปด้วยความปลอดภัยที่ดีต่อสุขภาพของทุกๆคนด้วย
การรับประทานสตรอเบอร์รี่ยิ่งสดเท่าไร ก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านของคุณค่าทางโภชนาการมากเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใยอาหารหรือวิตามินซีที่มีปริมาณสูงกว่าผลไม้อื่นๆเป็นอย่างมาก การรับประทานสตรอเบอร์รี่จึงมีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง ลดความอ้วน ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษที่ไม่ดีออกมา และช่วยให้ผิวและเส้นผมงดงามได้ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงมักจะรับประทานผลไม้ชนิดนี้ในรูปแบบผลสดมากกว่าการรับประทานเป็นสตรอเบอร์รี่เชื่อมหรือสตรอเบอร์รี่อบแห้ง แต่จะต้องเลือกซื้ออย่างไรให้ได้คุณภาพและปลอดภัยจากความร้ายกาจของยาฆ่าแมลง มาดูไปพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
การเลือกสตรอเบอร์รี่ที่ดีนั้น ควรเลือกผลสตรอเบอร์รี่ที่มีสีสวย แวววาว ผิวไม่ช้ำ และมีเนื้อค่อนข้างแข็ง โดยหากยังไม่ได้รับประทานทันทีควรจะเลือกผลห่ามๆไว้ก่อน เพื่อจะได้สุกพอดีในเวลาที่จะรับประทาน นอกจากนี้ สตรอเบอร์รี่ยังมีหลากหลายพันธุ์ ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็ล้วนมีกลิ่นหอมและรสชาติที่แตกต่างกัน ดังนั้นการจะเลือกซื้อสตรอเบอร์รี่ให้ถูกใจ จึงต้องไม่ลืมที่จะเลือกพันธุ์ที่ถูกปากและถูกใจคุณด้วย
เมื่อเลือกซื้อสตรอเบอร์รี่ที่ถูกใจมาได้แล้ว ก็อย่าเพิ่งรีบหยิบใส่ปากรับประทานทันทีนะคะ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า สตรอเบอร์รี่ที่เรากำลังจะหยิบเข้าปากจะมีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงเคลือบผิวไว้มากน้อยแค่ไหน ก่อนจะรับประทานจึงควรจะนำสตรอเบอร์รี่ไปล้างด้วยวิธีที่ถูกต้องเสียก่อน วิธีการล้างสตรอเบอร์รี่ที่ถูกต้องอาจจะมีความแตกต่างจากผลไม้ชนิดอื่นบ้างเล็กน้อย ซึ่งหากใครคิดว่าจะนำเอาสตรอเบอร์รี่ไปแช่ไว้ในน้ำปริมาณมากๆ เป็นเวลานานๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว นับเป็นแนวความคิดที่ผิดอย่างแน่นอนค่ะ เพราะการแช่น้ำนานๆไม่เพียงพอต่อการชะล้างเอาสารพิษที่เคลือบบนผิวสตรอเบอร์รี่ของออกได้อย่างหมดจด แถมการแช่น้ำที่นานเกินไปยังจะทำให้สารอาหารในสตรอเบอร์รี่เสียไปอีกด้วย

การล้างสตรอเบอร์รี่ที่ถูกต้องจึงควรนำไปแช่ในน้ำเกลือ ด่างทับทิม น้ำส้มสายชู หรือน้ำผสมผงฟู ด้วยอัตราส่วนดังต่อไปนี้
- น้ำเกลือ : ใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 – 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดทันที
- น้ำผสมด่างทับทิม : ใช้ด่างทับทิม 20 – 30 เกล็ด ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- น้ำส้มสายชู : ใช้น้ำส้มสายชู 5% 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 – 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- น้ำผสมผงฟู : ใช้ผงฟู หรือ เบคกิ้ง โซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น 1 กะละมัง แช่นาน 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละบุคคลเลย แต่ที่สำคัญที่สุดก็ต้องอย่าลืมที่จะเด็ดใบอ่อนบนผลสตรอเบอร์รี่ทิ้งไปเสียก่อนที่จะลงไปแช่ในน้ำต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ไม่เช่นนั้นสิ่งสกปรกหรือสารพิษจากใบอ่อน อาจจะทำให้น้ำที่แช่สกปรกไปกว่าเดิม และส่งผลให้สารพิษเหล่านี้ซึมเข้าสู่ตัวผลสตรอเบอร์รี่ได้
หากรับประทานสตรอเบอร์รี่ไม่หมด ก็ต้องเก็บเอาไว้ด้วยวิธีที่ถูกต้องด้วย ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องพิถีพิถันเสียหน่อย การเก็บสตรอเบอร์รี่ให้มีอายุได้นานๆและมีความสดคงเดิมไม่ควรจะนำไปล้างน้ำก่อน แต่ให้เอากระดาษนุ่มๆห่อไว้ แล้วเก็บในสถานที่ที่มีอากาศเย็น โล่ง ไม่อัดแน่น หรือมีอากาศถ่ายเท โดยอาจนำใส่ในกล่องรักษาความสดและแช่เก็บไว้ในตู้เย็น หรือถ้าจะเก็บในปริมาณมากและระยะเวลานานๆ ก็อาจจะต้องเก็บไว้ในสภาวะแช่แข็ง ซึ่งจะช่วยคงสารอาหารเอาไว้ได้ยาวนานกว่าการเก็บแบบแช่เย็น แต่เนื้อสัมผัสของสตรอเบอร์รี่ที่ได้ อาจจะเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากเกิดเกล็ดน้ำแข็งรอบๆผลนั่นเอง
จะรับประทานสตรอเบอร์รี่ทั้งที ก็ควรได้ทั้งความเอร็ดอร่อย ความปลอดภัย และสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย หากคุณปฏิบัติตามที่ได้แนะนำไป ก็คงจะเพิ่มความสุขในการรับประทานผลไม้ชนิดโปรดได้อีกเยอะเลยเชียวค่ะ