สาวๆผมยาวคงจะต้องใช้เวลาในการอาบน้ำ สระผม และแต่งตัวที่ค่อนข้างนานมากกว่าคนทั่วไปสักหน่อย เพราะกว่าที่จะสระผม เช็ดผม หรือเป่าผมจนแห้ง ก็ต้องใช้ความอดทนที่จำเป็นต้องแลกมากับความสวยงามที่เฝ้ารอคอย ยิ่งถ้าผมยาวมากเท่าไหร่ เวลาในการที่จะทำให้ผมแห้งก็ยิ่งมากขึ้นไปเท่านั้น อีกทั้งในบางครั้งบางที เวลาที่มีก็อาจจะไม่เอื้ออำนวย ทำให้จำเป็นต้องแต่งตัวไปทั้งๆที่ผมยังหมาดๆอยู่ ซึ่งก็อาจจะดูไม่ค่อยเข้าทีเสียเท่าไร

ด้วยเหตุนี้เอง คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้ “ไดร์เป่าผม” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการสร้างลมร้อนให้มากหรือน้อยก็ได้ดั่งใจที่คุณต้องการ ทั้งนี้ก็เพื่อย่นระยะเวลาในการทำให้ผมแห้งนั่นเอง แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดจริงหรือ? และจะมีผลต่อการเกิดภาวะผมเสียหรือผมขาดหลุดร่วงที่มากกว่าปกติหรือไม่? เรามีคำตอบให้คุณค่ะ
เส้นผมเป็นโปรตีนจากธรรมชาติที่ค่อนข้างบอบบาง การได้รับความร้อนจากไดร์เป่าผม จึงไม่ใช่ผลดีต่อเส้นผมแต่อย่างใด โดยเฉพาะใครที่ชอบเป่าผมด้วยความร้อนสูงๆด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการทำลายเส้นผมให้แห้งเสียเร็วมากขึ้นกว่าเดิม การบังคับให้ผมแห้งแบบผิดธรรมชาตินี้จะทำให้น้ำในเส้นผมเหือดแห้งมากจนเกินไป จนแทบจะไม่มีน้ำหลงเหลือเพื่อทำให้เกิดความชุ่มชื้นในเส้นผมเลย ซึ่งหากเส้นผมถูกทำร้ายเช่นนี้ต่อเนื่องยาวนาน ก็ย่อมนำมาสู่ความแห้งหยาบหรือผมแตกปลาย จนเกิดเป็นสาเหตุของการขาดหลุดร่วงในที่สุด
ดังนั้นวิธีที่ถูกต้องที่สุด จึงเป็นการปล่อยให้ผมแห้งเองโดยธรรมชาติ โดยอาจจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้พอหมาด แต่ต้องเช็ดอย่างเบามือนะคะ เพราะช่วงเวลาที่ผมยังเปียกหมาดอยู่นั้น เส้นผมของคุณจะค่อนข้างจะบอบบางและมีโอกาสฉีกขาดได้ง่าย การขยี้ผมอย่างแรงจึงอาจทำให้เส้นผมได้รับความเสียหายมากกว่าที่คุณคิดได้ หลังจากที่เช็ดผมจนพอหมาดแล้ว จึงใช้พัดลมหรือลมเย็นๆพัดเอาความชื้นออกจากเส้นผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป วิธีนี้จะช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ในเส้นผมได้ดีกว่า และทำให้ผมดูนุ่มมีน้ำหนักมากกว่าด้วย

แต่หากคุณไม่มีเวลามากขนาดจะรอให้ผมแห้งด้วยวิธีธรรมชาติ เราก็มีวิธีเร่งให้ผมแห้งแบบไม่ทำร้ายเส้นผมมากจนเกินไปมาฝากคุณค่ะ เคล็ดลับง่ายๆเพียงแค่คุณเช็ดผมรอบแรกด้วยผ้าขนหนูให้พอหมาดก่อน แล้วจึงเปลี่ยนผ้าขนหนูผืนใหม่ที่ยังแห้งอยู่มาเช็ดผมซ้ำอีกรอบ จากนั้นจึงคลุมผ้าขนหนูบนหัว แล้วใช้ไดร์เป่าผมตามปกติ การใช้ผ้าขนหนูเป็นตัวกลางนี้จะช่วยให้เส้นผมไม่สัมผัสโดนความร้อนโดยตรงจากไดร์เป่าผม แถมผ้าขนหนูยังช่วยซับน้ำและกระจายความร้อนจากไดร์ให้ทั่วทั้งศีรษะแบบพอเหมาะอีกด้วย การเป่าผมด้วยวิธีนี้จึงช่วยให้ผมแห้งได้เร็วขึ้น ในขณะที่เส้นผมก็ยังคงมีสุขภาพดี ไม่แห้งเสีย หรือแตกปลายได้ง่าย
แต่ถ้าใครไม่ถนัดที่จะใช้ผ้าขนหนูคลุมผม แต่ชอบที่จะเป่าลมลงบนหัวโดยตรงเสียมากกว่า ก็ควรตั้งอุณหภูมิของไดร์เป่าผมให้ต่ำมากที่สุด ยิ่งไม่ให้ความร้อนเลยก็จะยิ่งดี แล้วใช้วิธีเลือกระดับของแรงลมให้เหมาะสมแทน โดยถ้าจะให้ดีควรเลือกไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟอย่างน้อย 1,800 วัตต์ ไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟสูงๆ จะช่วยให้ผมแห้งได้เร็วขึ้นมากกว่าการใช้ไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟต่ำกว่า นอกจากนี้แนะนำให้ทามูสลงบนเส้นผมเล็กน้อย เพื่อป้องกันเส้นผมจากความร้อนและช่วยให้เส้นผมไม่ดูดซับน้ำมากขึ้นไปกว่าเดิม และใช้วิธีการเป่าผมจากชั้นผมด้านใต้ขึ้นมา โดยใช้วิธีหนีบเส้นผมส่วนบนขึ้นไปเก็บไว้ก่อน เมื่อเป่าผมด้านใต้แห้งแล้ว จึงค่อยปล่อยผมที่เก็บไว้ด้านบนลงมาแล้วเป่าให้แห้งตามลำดับ วิธีนี้จะช่วยให้ผมของคุณแห้งได้เร็วมากขึ้นกว่าการเป่าผมจากชั้นนอกเข้าชั้นในได้มากถึง 3 เท่าเลยเชียวค่ะ
การเป่าผมที่ดีไม่ควรจะให้ไดร์เป่าผมอยู่ใกล้กับศีรษะมากเกินไป โดยควรมีระยะห่างระหว่างไดร์กับหนังศีรษะประมาณ 15 เซนติเมตร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมติดเข้าไปในมอเตอร์เครื่อง และป้องกันการโดนความร้อนที่มากเกินไป นอกจากนี้ ไม่ควรถือไดร์เป่าผมจ่อไว้ที่บริเวณเดียวนานๆ แต่ควรขยับไดร์เป่าผมไปมาอยู่ตลอดเวลา จึงจะช่วยให้ผมแห้งได้เร็วขึ้นและเส้นผมไม่โดนทำร้ายมากจนเกินไป
สุดท้ายที่ควรจำให้ขึ้นใจ ก็คือ การเป่าผมไม่ควรทำจนแห้งสนิทเกินไป แต่ควรปล่อยให้มีความชื้นหลงเหลืออยู่บนเส้นผมบ้าง น้ำที่หล่อเลี้ยงผมอยู่นี้จะช่วยให้ผมมีความชุ่มชื่นและไม่แห้งเสียได้ง่ายนั่นเอง
ไม่ว่าจะทำผมให้แห้งด้วยวิธีไหน ก็คงต้องแล้วแต่ความสะดวกและสถานการณ์ประจำวันนั้นๆด้วย แต่ถ้าอยากจะมีผมสวยมีน้ำหนักไปอย่างยาวนาน ก็ควรจะต้องหลีกเลี่ยงความร้อนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงเท่านี้ก็สวยดูดีมีสไตล์ได้แล้วละค่ะ