การดูแลสุขภาพ, บทความน่ารู้, บทความสุขภาพ, สมุนไพรน่ารู้, สุขภาพ, สุขภาพดี, สุขภาพน่ารู้, อาหารเพื่อสุขภาพ, เกี่ยวกับโรค

โสม…บำรุงอย่างไรให้ได้ประโยชน์

     ขึ้นชื่อว่า “โสม” ใครๆก็ต้องนึกถึงความสามารถในการบำรุงร่างกาย หรือเพิ่มความแข็งแรงให้แก่อวัยวะต่างๆในร่างกายได้อย่างชนิดที่ว่าไม่มีสมุนไพรขนิดไหนเทียบเคียงได้เลย สมุนไพรชนิดนี้ได้รับความไว้วางใจว่าสามารถจะรักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยในร่างกายได้เป็นอย่างดี และยังมีความสามารถในการบำรุงสมอง เสริมความจำ ทำให้มีสมาธิ หรือเพิ่มพูนความสามารถในการเรียนรู้ได้อีกด้วย แต่เคยสงสัยหรือไม่ค่ะว่า ทำไมสมุนไพรขนิดนี้จึงมีประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายมากมายเช่นนี้ หรือเป็นแค่เพียงคำกล่าวอ้างที่ผู้ผลิตอาหารเสริมยกเมฆขึ้นมาหลอกผู้บริโภคเท่านั้น วันนี้เรามาไขข้อข้องใจนี้ไปพร้อมๆกัน ว่าแท้ที่จริงแล้วคุณเข้าใจถูกหรือผิดไปจากความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด

โสม…บำรุงอย่างไรให้ได้ประโยชน์
ภาพจาก : http://magicpertty.blogspot.com/2010/10/blog-post_16.html โสม…บำรุงอย่างไรให้ได้ประโยชน์

 

    หลายคนก็คงจะเคยได้ยินชื่อของโสมว่ามีอยู่มากมายหลายชนิด ทั้งโสมไทย โสมจีน โสมเกาหลี โสมอเมริกา หรือโสมที่มาจากประเทศอื่นๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะพบว่าสมุนไพรชนิดนี้มีการเพาะปลูกอยู่ทั่วโลกมากมาย โสมทั่วๆไปที่อยู่ตามแต่ละประเทศมีชื่อวงศ์เป็นชื่อเดียวกัน แต่อาจจะแยกเป็นสายพันธุ์ที่หลากหลายตามแต่สถานที่และสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูก ซึ่งความแตกต่างของสายพันธุ์ก็ย่อมส่งผลต่อคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไปด้วย แต่ถ้าจะพูดถึงโสมที่ใครๆก็ยกย่องว่าเป็นโสมที่ดีที่สุดก็ต้องยกให้ต้นตำรับจากจีนและเกาหลี ที่ขึ้นชื่อว่าสามารถรักษาโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี

    โสมเป็นสมุนไพรที่ถูกวิจัยในทางการแพทย์แล้วว่า มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันและบำบัดรักษาโรคต่างๆได้อย่างปลอดภัย และไม่มีอันตรายแอบแฝงแต่อย่างใดหากใช้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสารสำคัญที่มีฤทธิ์ในการรักษาโรคจะพบได้มากในรากโสม สารตัวนี้มีชื่อว่า
Ginsenosides” ที่มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ
ยิ่งโสมชนิดไหนที่มีสารสำคัญตัวนี้มากเท่าไร ก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้นเท่านั้น

    ว่ากันว่าโสมจะช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้ทนต่อความกดดันจากภายนอก ด้วยการปรับสมดุลของฮอร์โมนและเร่งกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร ทั้งนี้ก็เพื่อปลดปล่อยพลังงานออกมาต่อต้านความเครียดที่พอกพูนสะสมจากการเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆในชีวิตประจำวันนั่นเอง ดังนั้นหากใครที่กำลังทำงานหนักหรือเกิดความเครียดอยู่ ก็ลองใช้ประโยชน์จากโสมกันดูนะคะ รับรองว่าจะช่วยให้คุณคลายเครียดได้มากเลยทีเดียวเชียวละค่ะ

โสม…บำรุงอย่างไรให้ได้ประโยชน์
ภาพจาก : http://health.kapook.com/view17915.html โสม…บำรุงอย่างไรให้ได้ประโยชน์


    ในด้านของการป้องกันโรค

     โสมมีส่วนในการช่วยให้เนื้อเยื่อดูดซึมออกซิเจนได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กระบวนการเผาผลาญอาหารมีประสิทธิภาพดีขึ้น
และก่อให้เกิดเป็นพลังงานแก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ โสมยังเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant)ที่มีประสิทธิภาพสูง
การได้รับโสมอย่างถูกวิธีจึงช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ต่างๆในร่างกายถูกทำลาย ป้องกันโรคร้าย และชะลอไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัยได้

    อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ทุกอย่างที่ร่างกายมีโอกาสได้รับจะต้องอยู่ภายใต้การใช้ที่ถูกวิธีด้วย โดยภายหลังจากบำรุงด้วยโสมไปแล้วควรเว้นระยะประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะรับประทานอาหารอื่นๆตามเข้าไป และควรหลีกเลี่ยงการใช้โสมร่วมกับอาหารที่มีความเป็นกรดสูง ไม่ว่าจะเป็น น้ำมะนาว น้ำส้ม น้ำส้มสายชู หรือของเปรี้ยวอื่นๆ เพราะความเป็นกรดจะทำลายสรรพคุณอันแสนมีประโยชน์ให้หมดไปได้ อีกหนึ่งข้อควรระวังก็คือ ห้ามดื่มน้ำชาหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนขณะใช้โสมเป็นอันขาด ร่วมไปถึงห้ามรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงร่วมกับการใช้โสมด้วย เพราะสารเหล่านี้จะไปขัดขวางการดูดซึมของโสม ทำให้คุณได้รับประโยชน์จากโสมได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร

    สิ่งสุดท้ายที่ควรจำให้ขึ้นใจ ก็คือ “ไม่ควรใช้โสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน” การรับประทานโสมไม่ควรบริโภคเกินครั้งละ 2 กรัมต่อวันและรับประทานต่อเนื่องยาวนานเกิน 1 เดือน เพราะการใช้สมุนไพรชนิดนี้ยาวนานติดต่อกัน จะทำให้โสมไปออกฤทธิ์กดประสาท ซึ่งเป็นผลให้เกิดอาการเซื่องซึม มีผลต่อการได้ยิน และการมองเห็นของคนเราได้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณความต้องการโสมของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพร่างกาย สถานะทางด้านสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งปริมาณการบริโภคอาจต้องเพิ่มมากขึ้นตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละคน อย่างไรก็ดี การบริโภคเริ่มต้นควรเริ่มจากการบริโภคโสมในปริมาณที่น้อยๆ แล้วจึงค่อยๆเพิ่มมากขึ้น จนถึงระดับที่เพียงพอสำหรับการบำรุงร่างกายในแต่ละบุคคล

    ไม่ว่าจะเป็น เด็กนักเรียนที่ต้องใช้สมองในการศึกษาเล่าเรียน คนวัยทำงานที่ต้องเผชิญหน้ากับความเครียด ผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาหรือการพักฟื้น นักกีฬาที่ต้องฟิตซ้อมร่างกายอย่างหนักก่อนการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งคนธรรมดาที่เพียงแค่ต้องการดูแลสุขภาพของตนเอง ก็สามารถรับประทานโสมได้ทั้งสิ้น ซึ่งการรับประทานโสมในปัจจุบันก็สามารถหารับประทานได้ง่าย เพราะผู้ผลิตอาหารมักจะใช้โสมเป็นส่วนหนึ่งในส่วนประกอบของอาหารเพื่อสุขภาพและความงามนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มต่างๆ ก็นิยมนำเอาโสมมาเติมลงไปเพื่อชูจุดเด่นในการช่วยเรื่องสุขภาพได้ทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เอง โสมจึงกลายเป็นสมุนไพรที่คนทั่วโลกไว้วางใจ และใช้มันเพื่อบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงตั้งแต่ในอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน

 

Sending
User Review
0 (0 votes)
error

Enjoy this blog? Please spread the word :)