สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในโลกล้วนต้องการน้ำในการหล่อเลี้ยงชีวิต หากขาดน้ำไปชีวิตก็คงจะขาดตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้ที่รักในสุขภาพทั้งหลายหันมาดูแลการบริโภคน้ำไม่น้อยไปกว่าการบริโภคอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องปริมาณ คุณภาพ หรือแม้กระทั่งชนิดของน้ำที่เลือกดื่ม บางคนมีความคิดว่าการดื่มน้ำที่ได้ประโยชน์จะต้องเป็น “น้ำแร่” จากแหล่งน้ำอันแสนไกลที่มีแร่ธาตุสำคัญจากธรรมชาติรวมอยู่ เพราะจะช่วยเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นให้แก่ร่างกายได้ แต่แนวความคิดนี้ถูกต้องทั้งหมดจริงหรือไม่ เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกันได้เลยค่ะ

น้ำแร่ คือน้ำที่ขุดมาจากใต้ดิน น้ำส่วนนี้เกิดจากการที่น้ำบนดินไหลซึมผ่านชั้นหิน ชั้นทราย และลงไปสะสมอยู่ภายใต้ชั้นเปลือกโลก การเกิดน้ำชนิดนี้ขึ้นมาจึงต้องใช้เวลาสะสมค่อนข้างนาน และระหว่างที่ซึมผ่านทรัพยากรต่างๆ น้ำแร่ก็จะประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแหล่งที่เกิดทางธรณีวิทยา หากบริเวณนั้นเป็นดินหรือหินที่ค่อนข้างสมบูรณ์ น้ำแร่ที่ได้ก็จะมีสารอาหารค่อนข้างสูงตามไปด้วย
แต่สารอาหารที่ประกอบอยู่ในน้ำแร่ ก็ไม่ใช่สารอาหารที่ร่างกายต้องการทั้งหมด เนื่องด้วยความแตกต่างกันทางธรณีวิทยา จึงเป็นการยากที่จะกล่าวได้ว่าน้ำแร่จากแหล่งไหนมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการได้อย่างครบถ้วน หรือแหล่งไหนที่มีแร่ธาตุที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งหากกระบวนการขุดเจาะน้ำแร่ขึ้นมาไม่ผ่านการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสที่คุณจะได้รับประโยชน์จากน้ำแร่ก็ไม่ได้แตกต่างจากการได้รับโทษจากน้ำแร่เลยเช่นกัน
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า น้ำแร่ขวดไหนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การมองดูด้วยตาเปล่าคงไม่สามารถตัดสินได้ว่าน้ำแร่ขวดใดที่ดีต่อสุขภาพของคุณ เพราะตาของเราไม่สามารถจำแนกชนิดของแร่ธาตุจากการมองเพียงอย่างเดียวได้ ดังนั้น ผู้ผลิตจึงต้องมีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบชนิดและปริมาณของแร่ธาตุในน้ำแร่ทุกๆขวดให้มีคุณภาพที่ดีเสมอกัน และจะต้องพยายามกำจัดแร่ธาตุที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น สารหนู โครเมียม ไซยาไนด์ โมลิบดินัม แวนาเดียม เป็นต้น ไม่ให้มีเกินมาตรฐานที่ผู้บริโภคจะรับได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย และความถูกต้องตามที่กฎหมายระบุไว้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าน้ำแร่ที่ได้มาตรฐานจะประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วนแล้ว ความถี่ในการบริโภคก็ยังเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะไม่ใช่ว่าการดื่มน้ำแร่ที่มีแร่ธาตุอยู่สูงในทุกวันจะเป็นผลดีต่อร่างกายเสมอไป เพราะการที่ร่างกายได้รับแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียแบบที่คุณคาดไม่ถึงได้เช่นกัน

หากตรวจสอบถึงชนิดของแร่ธาตุที่พบได้ในน้ำแร่ ก็จะสามารถแบ่งแร่ธาตุออกได้เป็น 5 ชนิดหลักๆ ได้แก่ แคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และกำมะถัน ซึ่งส่วนประกอบที่สำคัญเหล่านี้ ก็อาจส่งผลให้น้ำแร่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคตามที่ผู้ผลิตโฆษณาได้ ทั้งนี้ก็เพราะแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่จะเข้าไปช่วยให้ร่างกายได้รับการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำแร่ในทุกๆวันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการได้รับแร่ธาตุที่มากเกินไป จะทำให้ร่างกายเสียสมดุล ซึ่งการจะรู้ว่าน้ำแร่นั้นมีประโยชน์มากเกินความต้องการของร่างกายไปแล้วหรือไม่ ก็จำเป็นจะต้องมีความรู้พื้นฐานก่อนว่า ในหนึ่งวันร่างกายต้องการแร่ธาตุมากน้อยแค่ไหน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่หายาก เพราะโลกในยุคปัจจุบันสามารถเชื่อมข้อมูลทุกอย่างเข้าหากันได้ เพียงแค่คุณมีอินเตอร์เนตเท่านั้นเอง
ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อน้ำแร่สักขวดมาดื่ม อย่ามัวแต่ดูที่รูปลักษณ์ภายนอก หรือสนใจแต่เพียงพรีเซนเตอร์ที่โฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ควรจะอ่านฉลากที่กำกับเอาไว้ข้างขวดด้วย ว่าน้ำแร่ในแต่ละยี่ห้อที่คุณกำลังจะซื้อดื่มมีสรรพคุณอย่างไร ประกอบไปด้วยแร่ธาตุอะไรบ้าง และปริมาณแร่ธาตุที่มีอยู่นั้นเหมาะสมต่อความต้องการของเราหรือไม่ ทั้งนี้ จะได้ใช้เป็นเครื่องมือตัดสินใจว่าคุณควรจะดื่มน้ำแร่ขวดไหนให้มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างพอเพียงนั่นเอง
บางคนอาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า แล้วถ้าไม่ดื่มน้ำแร่ ร่างกายจะสามารถได้รับแร่ธาตุที่สมบูรณ์ครบถ้วนได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ใช่แค่น้ำแร่เท่านั้นที่จะเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ แต่อาหารอื่นๆที่เราบริโภคอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็ล้วนมีแร่ธาตุเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ประเภทและแหล่งที่มาของอาหารนั้นๆ ดังนั้น หากคุณมั่นใจว่าสามารถรับประทานอาหารได้อย่างครบถ้วน และครบ 5 หมู่ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่คุณจะได้รับแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายอย่างเพียงพอ ซึ่งหากสามารถได้รับจากอาหารได้อย่างเต็มที่แล้ว การดื่มน้ำแร่ก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป
แต่สำหรับคนบางกลุ่ม เช่น นักกีฬา เป็นต้น อาจจะต้องการแร่ธาตุบางอย่างเพื่อนำไปใช้ในการสร้างพละกำลังหรือชดเชยความเหนื่อยล้าของร่างกายมากกว่าคนปกติ การดื่มน้ำแร่ของคนกลุ่มนี้จึงแตกต่างออกไปจากคนธรรมดา อย่างไรก็ตาม นักกีฬาก็ยังคงต้องมีลิมิตในการดื่มน้ำแร่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้แร่ธาตุที่บริโภคเข้าไปสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดนั่นเอง
น้ำแร่จึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้
แต่ก็สำคัญเพียงพอที่จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้หากใช้ในทางที่ถูกต้อง