เล็บนิ้วมือเป็นหนึ่งสัญญาณที่คอยบ่งบอกการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ทำให้เรามีโอกาสในการเตรียมตัวตั้งรับโรคภัยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งลักษณะสัญญาณเตือนจะแสดงออกในรูปแบบของสีหรือลักษณะของเล็บที่เปลี่ยนแปลงไป หากตอนนี้คุณกำลังคิดอยากจะสำรวจความผิดปกติในร่างกาย ยกมือของคุณขึ้นมาแล้วเริ่มสังเกตไปพร้อมๆกันได้เลยคะ
ภาพจาก : http://horoscope.thaiza.com
เริ่มต้นจากความหนาบางของเล็บกันก่อนเลย ใครที่มีเล็บหนาบ่งบอกให้รู้ว่าระบบหลอดเลือดภายในร่างกายของคุณขณะนี้กำลังอ่อนแอ ส่งผลให้การไหลเวียนของโลหิตมีความผิดปกติ ในขณะที่คนที่มีเล็บบางอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังที่มีอาการคันได้ ส่วนคนที่เล็บแบนแปลได้ว่าคุณกำลังเป็นโรคมือเย็นเท้าเย็น เพราะการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะนั้นๆไม่เพียงพอ ใครที่มีเล็บกว้างสี่เหลี่ยม แสดงว่ากำลังมีความผิดปกติของฮอร์โมน ส่วนเล็บรูปกลมหรือเล็บที่ขึ้นตรงแล้วม้วนรอบปลายนิ้วเป็นสัญญาณบอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคปอด โรคลำไส้ หรือโรคหัวใจได้ แต่ถ้าปลายเล็บงอนผิดปกติอาจบอกได้ว่าโรคเกี่ยวกับปอด หัวใจ ตับ และโรคมะเร็งกำลังเข้ามาใกล้ตัวคุณมากขึ้น ส่วนคนที่มีเล็บเป็นรอยบุ๋มมักพบว่าอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคเรื้อนกวาง ผมร่วงเป็นหย่อม หรือป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังอยู่ก็เป็นได้ สำหรับคนที่มีเล็บเป็นร่องหรือเป็นสันยาว คุณจะต้องระมัดระวังการบริโภคอาหารประเภทที่มีรสเค็มเพราะอาการนี้อาจบอกให้ทราบถึงความผิดปกติของไตภายในร่างกายได้ แต่หากคุณสังเกตเห็นเส้นแดงตามยาวบนเล็บ นั่นหมายความว่าคุณอาจเกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคสะเก็ดเงิน โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ หรือความดันโลหิตสูง แต่หากพบเส้นสีขาวตามขวางบนเล็บแสดงว่าอาจมีอาการของโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคฮอดจ์กินส์ (Hodgkin s disease) หรือไตวายได้
สีเล็บที่เปลี่ยนแปลงไปก็บ่งบอกถึงโรคภัยใกล้ๆตัวคุณได้เช่นกัน ใครที่มีเล็บสีเขียวคล้ำให้ระวังไว้ว่าคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคหืด โรคหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง หรือโรคหลอดลมอักเสบ หากเล็บเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจะบอกถึงอาการของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือเป็นการบ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดแคลนวิตามินอีอยู่ ส่วนเล็บที่มีสีขาวซีดจางบ่งชี้ถึงความผิดปกติของโรคโลหิตจาง และตับอักเสบเรื้อรังได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้ผิดปกติ หรือมีจุดดำๆ ตามเนื้อเยื่อของลำไส้ ริมฝีปากและเยื่อบุในปากจะแสดงสัญญาณของโรคโดยการเปลี่ยนแปลงสีเล็บเป็นสีดำ ส่วนผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินโลหิตมักจะมีสีเล็บที่เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงิน และหากใช้นิ้วกดลงไปบริเวณเล็บแล้วปล่อย เล็บก็จะยังคงเป็นสีน้ำเงินซีดเหมือนเดิม
ความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเล็บเป็นหนึ่งในสัญญาณที่จะคอยเตือนภัยให้คุณสามารถป้องกันโรคร้ายได้ทันเวลา ถ้าเกิดว่าส่องเล็บแล้วพบว่าเล็บเป็นดอกขาว นั่นก็จะบอกให้คุณได้รู้ว่าตับของคุณกำลังไม่ปลอดภัย ร่างกายกำลังขาดธาตุสังกะสี หรือมีความเสี่ยงเนื่องจากรับประทานสารพิษปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายมากจนเกินไป แต่ถ้าหากมีอาการเล็บล่อนถือเป็นสัญญาณเตือนภัยให้เริ่มระวังอาการของโรคต่อมไทรอยด์ โรคเรื้อนกวาง หรือการอักเสบจากเชื้อรา ในขณะที่เล็บที่มีอาการซีดขาว อ่อน แบน และบุ๋มเหมือนช้อนมักจะพบในคนที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการขาดธาตุเหล็ก เล็บที่เป็นจุดหรือเส้นสีม่วงมักบ่งบอกถึงการแตกของเส้นเลือดฝอย ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ โรคตับ และโรคลักปิดลักเปิด ส่วนใครๆที่กำลังพบว่าตัวเองมีโคนเล็บที่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง ระวังไว้เลยว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นสีคล้ำอาจจะเป็นการได้รับพิษจากสารเงิน หรือมีปัญหาที่เกี่ยวกับปอด ส่วนใครที่มีอาการเล็บหนากว้างโค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้น และมีสีออกม่วงคล้ำคุณอาจจะกำลังเผชิญกับโรคหัวใจที่มีอาการลิ้นหัวใจรั่ว โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง และหากใครที่กำลังเป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบการหายใจ เช่น ถุงลมโป่งพองหรือหลอดลมอักเสบ จะมีอาการเล็บที่ขึ้นใหม่หลุดจากฐานเล็บได้
บางครั้งเล็บก็บอกเราได้ว่าการรับประทานอาหารของเรายังไม่สมบูรณ์ หรือมีสารอาหารบางอย่างที่ร่างกายควรได้รับบกพร่องไป เช่น หากเล็บมีสีซีด บาง เปราะ เป็นสัน ฉีกขาดและบิ่นง่าย แสดงว่าสารอาหารที่ขาดคือธาตุเหล็ก หากเล็บมีซีดขาวอาจหมายถึงร่างกายกำลังขาดโปรตีนอย่างรุนแรง ส่วนเล็บที่ฉีกลอกเป็นสะเก็ด บ่งบอกได้ว่าเป็นอาการของคนที่ขาดกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไลโนลิอิก (linoleic acid) เป็นต้น
ธรรมชาติมักจะช่วยเตือนภัยเราได้ก่อนเสมอ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์หลายๆอย่างบนโลกนี้ เช่น แผ่นดินจะไหวก่อนมีภูเขาไฟระเบิด ฟ้าจะแลบก่อนฟ้าผ่า เป็นต้น อาการเตือนภายในร่างกายอย่างการเปลี่ยนแปลงของเล็บนิ้วมือก็เป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากเราเริ่มสังเกตว่าเล็บเริ่มเกิดการส่งสัญญาณความผิดปกติบางอย่างขึ้นมา ก็อย่ามัวแต่นิ่งนอนใจว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น แต่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อสำรวจความผิดปกติภายในร่างกาย เพราะหากเกิดโรคร้ายขึ้นจริงจะได้สามารถป้องกันหรือหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที