หัวล้านเกิดมาได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ อุปนิสัยการใช้ชีวิต หรือพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ซึ่งหนึ่งในพฤติกรรมที่ใครต่างก็คิดกันว่าเป็นการกระทำที่ส่งผลให้เกิดอาการผมร่วงหรือหัวล้านได้ง่าย ก็คือการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของ ‘ผงชูรส’ ในปริมาณมาก แต่ความเชื่อนี้เป็นจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่เพียงคำขู่ที่ไม่อยากให้เรารับประทานผงชูรสมากเสียจนเกินไปกันแน่ ต้องไปหาคำตอบด้วยกันตอนนี้เลยค่ะ

ความเชื่อเรื่องหัวล้านเพราะทานผงชูรสนี้ ถือเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในอดีต และยังคงพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทำให้หลายๆคงขยาดที่จะแต่งแต้มรสชาติอาหารด้วยผงชูรส เพราะกลัวว่าวันหนึ่งในอนาคตอาจจะกลายเป็นคนหัวล้านได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ แต่ก่อนที่เราจะไปศึกษาถึงที่มาที่ไปของอาการหัวล้านที่เกิดขึ้นนี้ เรามาลองทำความรู้จักกับสารปรุงแต่งอาหารชนิดนี้ให้เพิ่มมากขึ้นกันหน่อยดีกว่า
“ผงชูรส” มีชื่อทางเคมีว่า โมโนโซเดียมกลูตาเมต (monosodium glutamate) เป็นสารประกอบประเภทกลูตาเมตซึ่งเป็นเกลือของกรดกลูตามิก (Glutamic acid) อันเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีนโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผงชูรสถือเป็นสารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นตัวนำสื่อประสาทที่กระตุ้นให้ปุ่มรับรสที่ลิ้นไวต่อการรับรสของอาหารมากยิ่งขึ้น การรับประทานอาหารจานใดก็ตามที่มีการเสริมเติมแต่งด้วยผงชูรสลงไป จึงทำให้เรารู้สึกถึงรสชาติของอาหารได้มากยิ่งขึ้นหรืออร่อยมากขึ้นนั่นเอง หรืออาจกล่าวได้ว่า การใส่ผงชูรสจึงไม่ได้ช่วยเพิ่มแค่รสหวาน รสเค็ม หรือรสเปรี้ยวรสใดรสหนึ่ง แต่เป็นการเพิ่มความกลมกล่อมหรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า ‘รสอูมามิ’ นั่นเอง
ด้วยความสามารถในการเพิ่มความอร่อยในอาหารทุกๆจานนี่เอง จึงทำให้ผู้ผลิตอาหารนิยมใส่ผงชูรสลงไปเพื่อดึงรสชาติให้อร่อยถูกปากและถึงอกถึงใจผู้บริโภคกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วผงชูรสจะใช้ได้ดีมากกับอาหารที่มีรสเค็มหรือเปรี้ยว เนื่องจากจะช่วยให้รสอร่อยเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้ ซึ่งหากต้องการให้อาหารมีความอร่อยกำลังดีควรใช้ผงชูรสในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกินร้อยละ 0.1 – 0.8 โดยน้ำหนัก การใส่ผงชูรสมากเกินไปจะทำให้รสชาติอาหารผิดแปลกและมีรสชาติที่แย่ลงกว่าเดิมได้ นอกเหนือจากผลด้านรสชาติที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ผงชูรสยังทำให้เกิดอาการผมร่วงได้จริงหรือไม่? ไปหาคำตอบที่คุณสงสัยกันได้เลยค่ะ
ความเป็นจริงแล้วผงชูรสไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอาการผมร่วงที่คุณกำลังเป็นกังวลอยู่หรอกค่ะ เพราะสาเหตุที่แท้จริงของอาการผมร่วงเกิดมาจากพันธุกรรมเป็นหลัก หรืออีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญก็คือ ผลของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน โดยฮอร์โมนที่เป็นปัจจัยสำคัญมีชื่อว่า ‘ฮอร์โมนแอนโดรเจน’ ซึ่งหากมีฮอร์โมนชนิดนี้มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการผมร่วงได้ง่ายมากขึ้น แต่ผงชูรสนั้นเป็นแค่เพียงสาร “สื่อประสาท” ที่ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมหรือระบบฮอร์โมนแม้แต่น้อย การรับประทานผงชูรสจึงไม่ใช่สาเหตุหลักในการเกิดอาการผมร่วงอย่างที่คุณเข้าใจกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีผลให้ผมร่วงแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถรับประทานผงชูรสได้ตามใจชอบหรอกนะคะ เพราะถึงแม้ว่าองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาจะประกาศให้ผงชูรสอยู่ในกลุ่มของเครื่องปรุงรสที่มีความปลอดภัยเช่นเดียวกับเกลือ น้ำส้ม และแป้งหากบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ แต่การรับประทานผงชูรสในคนบางกลุ่มก็มีผลให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน โดยกลุ่มคนบางจำพวกที่มีความไวต่อผงชูรส มักจะเกิดอาการบางอย่างที่บ่งบอกได้เลยทันทีว่าในอาหารนั้นๆมีส่วนผสมของผงชูรสอยู่ ยกตัวอย่างอาการเช่น เกิดอาการร้อนวูบวาบที่ใบหน้า แน่นหน้าอก รู้สึกชาตามหลัง หรือชาตามต้นคอ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มคนจำพวกนี้ควรจะต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีผงชูรสให้ได้มากที่สุด ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่มักมีอาการหืดหอบ ก็ไม่ควรรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยผงชูรสในปริมาณมากเช่นกัน เพราะผงชูรสมีส่วนทำให้อาการป่วยที่คุณกำลังเป็นอยู่แย่ลงกว่าเดิมได้
ถ้าดูเผินๆแล้วผงชูรสแทบจะไม่มีโทษเลยหากบุคคลผู้นั้นไม่ได้มีอาการไวต่อผงชูรส อย่างไรก็ตามการรับประทานผงชูรสในปริมาณมากๆก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเสมอไป เพราะการจะรับประทานอาหารให้อร่อยสามารถใช้ส่วนผสมอื่นๆเพื่อเพิ่มความอร่อยได้หลากหลายทาง โดยไม่จำเป็นต้องจบลงที่ผงชูรสเสมอไป
ทราบกันไปแล้วนะคะว่า “ผงชูรสไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงหรือหัวล้าน” ตามที่คุณเข้าใจมาโดยตลอด ดังนั้น ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าการเติมผงชูรสในอาหารนั้นจะทำให้ผมบางลงอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยถูกปากได้มากที่สุดนั่นเอง