ยามที่ต้องถ่ายท้องหรือท้องเสีย คงจะทำให้ยากที่จะสามารถรับประทานอาหารตามใจปากได้อีกต่อไป เพราะอาหารต่างๆที่คุณรับประทานเข้าไปล้วนมีผลกระทบต่ออาการท้องเสียที่คุณเป็นอยู่ได้ ฉะนั้น การเรียนรู้ถึงชนิดอาหารที่เหมาะสมต่อการบริโภคในช่วงเวลาที่ท้องเสีย จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรเรียนรู้ ทั้งนี้ ก็เพื่อจะได้ปรับร่างกายให้สามารถต้านทานต่อความผิดปกติ และช่วยให้หายจากอาการท้องเสียได้เร็วมากขึ้นนั่นเอง
อาการท้องเสีย ที่ทุกคนรู้จักก็คือ การถ่ายบ่อย ถ่ายหลายรอบ แต่อุจจาระที่ออกมากลับมีแต่น้ำ หรือมีเศษอุจจาระเหลวปนเป็นจำนวนมาก อาการท้องเสียจึงเป็นการดึงเอาน้ำจำนวนมากออกจากร่างกายทำให้ผู้ที่มีอาการท้องเสียจึงมักอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เราสามารถแบ่งอาการท้องเสียออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน และ ชนิดเรื้อรัง ซึ่งแบบเฉียบพลันจะมีความรุนแรงมากกว่าแบบเรื้อรัง โดยมากปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการดังกล่าวนี้มักเกิดมาจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค หรือรับประทานอาหารรสเผ็ดหรือรสเปรี้ยวหรือมัน โดยที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน บางครั้งก็อาจเกิดขึ้นได้จากความเครียด ความวิตกกังวล ความกลัว คิดมาก ความตื่นเต้น หรือความโกรธ ก็เป็นได้

ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่า อาหารใดบ้างที่ผู้มีอาการท้องเสียควรงดเว้นหรือหยุดรับประทานไปก่อน เพื่อที่จะช่วยให้สามารถฟื้นตัวจากอาการป่วยนี้ได้รวดเร็วที่สุด
สำหรับอาการท้องเสียแบบเฉียบพลัน ผู้ป่วยควรงดบริโภคผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ และไม่ควรดื่มนม
จนกว่าอาการท้องเสียที่เป็นอยู่จะดีขึ้น เพราะอาหารต่างๆที่กล่าวมานี้ อาจทำให้อาการถ่ายท้องที่กำลังเป็นอยู่ทวีความรุนแรงได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่หากเป็นเด็กเล็กที่ยังคงดื่มนมเป็นอาหารหลักอยู่ สามารถนมแม่ได้ตามปกติ แต่หากดื่มนมขวดให้เจือจางนมลงให้เหลือความเข้มข้นเพียงครึ่งหนึ่งในช่วงเวลา 2-4 ชั่วโมงแรกก่อน เมื่ออาการดีขึ้นจึงดื่มนมผสมได้ตามปกติ
ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียเรื้อรัง เป็นคนที่ธาตุอ่อน และมักจะเกิดอาการถ่ายท้องอยู่บ่อยๆ ควรเริ่มต้นจากการสังเกตดูก่อนว่า ตัวเองมักจะไม่ถูกกับอาหารประเภทใด หรือเมื่อรับประทานอาหารชนิดไหนเข้าไปแล้ว มักจะต้องวิ่งเข้าห้องน้ำเสียแทบทุกครั้ง เพราะบุคคลแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างของอาหารที่จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการถ่ายท้องไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน
หากบุคคลนั้นสามารถสังเกตตัวเองและป้องกันไม่ให้ตัวเองเผลอใจไปรับประทานมันเข้าไปได้ ก็ย่อมจะช่วยให้สามารถลดโอกาสการเกิดอาการท้องเสียไปได้มากเลยทีเดียว
โดยอาหารที่มักจะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ง่าย มีดังต่อไปนี้
- อาหารหรือผลไม้รสเปรี้ยว
อาหารในกลุ่มนี้จะมีผลทำให้ลำไส้ของคนเราเกิดอาการระคายเคืองจนเกิดเป็นการท้องเสียได้ ดังนั้น หากคุณรู้สึกถึงอาการคลื่นไส้หรืออยากอาเจียน ก็ขอแนะนำว่าอย่ารับประทานอาหารหรือผลไม้รสเปรี้ยวมากเสียจนเกินไป เพราะแม้ว่าอาหารเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณสามารถลดอาการคลื่นไส้อาเจียนลงได้ก็จริง แต่คุณอาจจะต้องวิ่งเข้าออกห้องน้ำไปถ่ายท้องแทนก็เป็นได้
- อาหารทอดอมน้ำมัน
คนไหนที่ชอบรับประทานของทอดบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้คุณเกิดอาการท้องเสียเอาได้ง่ายๆเลย ทั้งนี้ก็เพราะอาหารที่นิยมนำมาใช้ทอดกรอบมักจะต้องเป็นวัตถุดิบที่ผ่านการหมักมาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นการรับประทานอาหารเหล่านี้มากๆ จึงอาจเกิดความเสี่ยงต่อลำไส้ และทำให้เกิดอาการท้องเสียถ่ายท้องได้ง่าย โดยเฉพาะหากอาหารนั้นๆทอดไม่สุกดีพอ ก็จะยิ่งเป็นภัยอันตรายต่อร่างกายมากไปใหญ่ด้วย
- อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลแอลกอฮอล์
หลายคนน่าจะยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงข้อนี้มากสักเท่าไรนัก และมักสงสัยว่าอาการท้องเสียที่ตนเป็นอยู่นั้นเกิดจากอะไร ตัวการสำคัญอันหนึ่งก็คือ สารให้ความหวานที่ใช้แทนน้ำตาลทรายที่เรียกกันว่าน้ำตาลแอลกอฮอล์นั่นเอง โดยตัวที่มักทำให้เกิดอาการท้องเสียได้มากที่สุด ก็คือ ซอร์บิทอล (sorbitol) ที่พบมากในหมากฝรั่งชนิดไม่มีน้ำตาล หรือน้ำอัดลมไดเอทบางชนิด สารตัวนี้เป็นตัวการสำคัญของอาการท้องเสีย เป็นตะคริว และเป็นอันตรายต่อลำไส้ได้ หากร่างกายได้รับซอลบิทอลเข้าไปเกินกว่า 50 กรัมต่อวัน ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยสารให้ความหวานแทนน้ำตาลตัวนี้ได้นั่นเอง
- ถั่ว
แหล่งของโปรตีนที่ได้จากถั่วเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการเพื่อทดแทนการรับประทานเนื้อสัตว์ได้ แต่เนื่องจากถั่วมีองค์ประกอบของน้ำตาลที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ เมื่อคนเรารับประทานเข้าไป ร่างกายจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะสามารถย่อยน้ำตาลชนิดนี้ ซึ่งวิธีการที่ร่างกายทำก็คือ การหยุดหลั่งเอนไซม์ตามปกติ และปล่อยให้แบคทีเรียในลำไส้ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลตัวนี้แทน การย่อยด้วยแบคทีเรียนี้จึงก่อให้เกิดแก๊สขึ้นมาในลำไส้ ทำให้รู้สึกไม่สบายท้องได้นั่นเอง
หลากหลายเมนูที่คนเรายังไม่เคยรู้ว่าควรหรือไม่ควรรับประทานตอนใด หากเราอาศัยแต่เพียงประสบการณ์การลองผิดลองถูก และคิดว่าลองกินดูก่อนจะได้รู้ว่าแพ้หรือไม่แพ้ ก็อาจจะทำให้เราต้องได้รับความเดือดร้อนไปก่อนที่จะทราบเหตุผลหรือข้อเท็จจริงนั้นๆ แต่หากเราศึกษาเอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่าอะไรบ้างที่ควรหรือไม่ควรรับประทาน ก็จะช่วยให้เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงต่ออันตราย และสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่แบบไม่ต้องคอยวิ่งเข้าห้องน้ำอีกต่อไป