ประจำเดือนถือเป็นพฤติกรรมธรรมชาติของสตรีเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และที่มักมาคู่กันก็คืออาการปวดอันแสนทรมานที่ทำร้ายคุณผู้หญิงหลายๆท่านอยู่ทุกเดือน โดยส่วนใหญ่อาการปวดประจำเดือนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-2 ของการมีประจำเดือน และจะหายไปภายใน 1-2 วัน ซึ่งอาการปวดเช่นนี้ไม่ได้เป็นในทุกๆคน บางคนอาจมีอาการปวดท้องมากขณะมีประจำเดือนทุกครั้ง ในขณะที่บางคนแทบจะไม่เคยมีอาการปวดท้องเลยก็มี
ภาพจาก : http://naturalremediesforpms.com/post-period-pain.html
สาเหตุหลักๆของอาการปวดท้องประจำเดือนเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและมีการหลั่ง ?สารโพรสตาแกลนดิน? ออกมามากผิดปกติ สารตัวนี้ถือเป็นต้นเหตุสำคัญเนื่องจากมันจะทำหน้าที่ช่วยปิดรูหลอดเลือดที่รั่ว จึงส่งผลให้มดลูกเกิดอาการบีบเกร็งตัว จนทำให้เกิดอาการปวดในที่สุด นอกจากนี้ อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเดิน เหงื่อออก หรือมือเท้าเย็นร่วมด้วย ซึ่งอาการปวดท้องประเภทนี้มักพบมากในหญิงสาวที่มีอายุน้อย
การแก้ไขปัญหาอาการปวดท้องเหล่านี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขด้วยการรับประทานยาถือเป็นการแก้ไขเพียงปลายเหตุเท่านั้น การแก้ไขที่ต้นเหตุจึงน่าจะมีส่วนช่วยให้อาการปวดท้องที่คุณพบเจออยู่เป็นประจำทุกเดือนทุเลาลงไปได้และเป็นผลดีต่อสุขภาพมากกว่า
คุณเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารทอดอยู่หรือไม่ เพราะถ้าคำตอบคือใช่ อาหารเหล่านี้จะเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ เพราะอาหารมันๆเหล่านี้จะเร่งการผลิตสารพรอสตาแกลนดินส์ออกมา ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกถูกบีบตัวอย่างรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้อาการปวดท้องรุนแรงมากกว่าเดิม
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้อาการปวดท้องลดน้อยลงได้ เริ่มต้นจากการดื่มน้ำให้มากขึ้น เพราะน้ำเป็นหนึ่งในตัวการที่จะทำให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะส่งผลต่อการรักษาความสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่จะมีผลทำให้คุณไม่ปวดท้องประจำเดือน นอกจากการดื่มน้ำให้มากๆแล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มจำพวกกาแฟ ชา น้ำอัดลม รวมถึงในช็อกโกแลต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนและระหว่างที่ประจำเดือนมา เพราะคาเฟอีนในอาหารมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้อาการปวดท้องของคุณทวีคูณมากยิ่งขึ้น
แหล่งอาหารสำคัญอย่างผักใบสีเขียว เช่น ผักโขม ผักปวยเล้ง เป็นต้น และอาหารอื่นๆ เช่น เต้าหู้สด ถั่วอัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต กล้วย นม และโยเกิร์ต เป็นกลุ่มอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่อร่างกาย ในอาหารเหล่านี้จะประกอบไปด้วยธาตุแมกนีเซียมในปริมาณสูง ซึ่งแมกนีเซียมจะมีส่วนช่วยในการคลายกล้ามเนื้อมดลูกที่หดเกร็งระหว่างการมีประจำเดือน จึงส่งผลให้อาการปวดท้องของคุณผู้หญิงบรรเทาลงได้ นอกจากนี้ ใยอาหารต่างๆที่พบในอาหารไฟเบอร์สูงก็มีส่วนช่วยในการขจัดฮอร์โมนส่วนเกินออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระ การที่ฮอร์โมนส่วนเกินเหล่านี้ถูกกำจัดออกไป จะส่งผลให้ร่างกายเกิดสมดุลที่ดีขึ้น และลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้
การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริมโดยเฉพาะในกลุ่มวิตามินแอนตี้ออกซิแดนต์ (วิตามิน A, วิตามิน B, วิตามิน C, วิตามินD, วิตามินE ) และกลุ่มวิตามิน B รวม (วิตามิน B1, วิตามิน B6, วิตามินB12) รวมถึงแร่ธาตุทั้งหลายอย่างแคลเซียม แมกนีเซียม หรือโปแตสเซียม จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี โดยช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการรับประทาน คือ ช่วงก่อนประจำเดือนมาสัก 1สัปดาห์และระหว่างการมีประจำเดือน
สมุนไพรไทยหลากหลายชนิดมีประโยชน์อย่างมากต่อการต้านอาการปวดประจำเดือน เช่น อีฟนิ่งพรีมโรส, ดอกคาร์โมไมล์, เซนต์จอห์นเวิร์ต, ตังกุย, แบล็คโคโฮส เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม การจะเลือกรับประทานสมุนไพรอาจจำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะบางครั้งการใช้สมุนไพรในทางที่ผิดก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณได้เช่นกัน
นอกจากนี้การรักษาน้ำหนักให้คงที่ก็เป็นอีกหนึ่งในการป้องกันอาการปวดท้องได้ เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนของคุณผู้หญิงจะถูกสร้างมาจากเซลล์ที่ทำหน้าที่เก็บสะสมไขมันในร่างกาย เพราะฉะนั้น ถ้าร่างกายของคุณมีไขมันสะสมมากเกินไป ฮอร์โมนเอสโตรเจนก็จะถูกสร้างเพิ่มขึ้นไปด้วย และการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายไม่สมดุลก็จะส่งผลทำให้มีอาการปวดที่มดลูกได้
นอกเหนือจากอาหารแล้ว การออกกำลังกายก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยรักษาอาการปวดท้องได้เช่นกัน การหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำมีส่วนช่วยลดระดับความเครียดในตัวคุณ ที่มีผลอย่างยิ่งต่อการลดอาการปวดท้องประจำเดือน ทั้งยังทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินหรือสารแห่งความสุข ที่มีผลต่อการช่วยลดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในร่างกายรวมไปถึงอาการปวดท้องนี้ได้ ซึ่งการบริหารร่างกายเพื่อลดอาการปวดที่ดีควรเริ่มต้นจากการยืดกล้ามเนื้อแล้วจึงตามด้วยการออกกำลังกายให้เหงื่อออกแบบโทรมกายจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี
หากเรามีการจัดการชีวิตในรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้นได้ดี ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกาย หรือการหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เปรียบเสมือนเรามีเกราะป้องกันอาการปวดท้องประจำเดือนไม่ให้สามารถมาทำอะไรเราได้
ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตทีละน้อยๆ เพื่อความสุขอันยิ่งใหญ่ที่จะมาถึงในอนาคตด้วยกันเถอะคะ