การหัวเราะเป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ที่ดี มีความสุข และรู้สึกขำขัน เชื่อว่าไม่เคยมีใครบนโลกนี้ที่ไม่เคยหัวเราะ แต่ด้วยความเครียดหรือความกดดันที่คนเราต้องเผชิญในแต่ละวัน อาจส่งผลให้เสียงหัวเราะที่มีเจือจางลงไป การหัวเราะบำบัดจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้ร่างกายผ่อนคลายความตึงเครียดไปได้อีกทางหนึ่งด้วย
การหัวเราะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเป็น ?การหัวเราะตามธรรมชาติ? ที่ถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอกต่างๆ เมื่อคนเราเกิดความรู้สึกขำขัน ก็จะแสดงอาการหัวเราะออกมาตามธรรมชาติ ส่วนอีกประเภทเป็นการ ?หัวเราะบำบัด? การหัวเราะประเภทนี้เป็นการหัวเราะแบบรู้ตัว และเป็นการฝึกร่างกายเพื่อหวังผลประโยชน์ทางสุขภาพจากการหัวเราะ โดยไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์ขัน ใช้เวลาในทำกิจกรรมไม่มากประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อครั้ง
ภาพจาก : http://science.howstuffworks.com/life/laughter-therapy.htm
จากรายงานการวิจัยของคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศคานาดา ระบุว่า
?อารมณ์ของคนเราน่าจะมีผลต่อการประมวลผลข้อมูลของสมอง ถ้าอารมณ์ดีจะช่วยขยายความคิดสร้างสรรค์ให้กว้างขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าอยู่ในอารมณ์หวาดวิตก เคร่งเครียด หรือแม้แต่ความมุ่งมั่นมากเกินไป จะมีผลต่อความคิดหดแคบ?
ดังนั้น อารมณ์ดีหรือไม่ดีจึงมีผลต่อกระบวนการความคิดและการแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ของคน
ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการคิดค้นวิธีการหัวเราะบำบัดขึ้น ซึ่งก็มีการบำบัดหลายแบบ ดังเช่น การบำบัดด้วยวิธี Lauther Yoga ที่คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอินเดีย การหัวเราะนี้จะเป็นการผสมผสานระหว่างการหัวเราะและการควบคุมการหายใจของโยคะเข้าด้วยกัน ทั้งยังเป็นที่มาของการหัวเราะบำบัดในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก หรือการหัวเราะบำบัดในประเทศออสเตรเลีย ที่จะเน้นการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้คนทั่วไปด้วยพฤติกรรมตลก ส่วนการหัวเราะบำบัดในประเทศไทยก็มีศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่ได้ทำการคิดค้นและพัฒนาวิธีการหัวเราะบำบัด โดยผสมผสานระหว่างการควบคุมการหายใจ การเปล่งเสียงหัวเราะ และการบริหารร่างกายไปพร้อมๆกัน
การหัวเราะบำบัดสามารถฝึกได้ด้วยตนเอง เริ่มต้นจากการลองหัวเราะแบบสิ่งกระตุ้นก่อน แล้วจึงฝึกหัวเราะโดยไม่มีสิ่งกระตุ้น โดยต้องพยายามเข้าใจว่าการหัวเราะไม่จำเป็นต้องมาจาก “ความรู้สึกตลก” เสมอไป การหัวเราะโดยไม่มีเหตุผลนี้ให้เริ่มจากการหัวเราะด้วยการเปล่งเสียงออกมาจากท้องผ่านลำคอและริมฝีปาก หากต้องการให้การหัวเราะได้ผลดียิ่งขึ้น ควรเปล่งเสียงหัวเราะเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของอวัยวะภายใน 4 ส่วน ด้วยการเปล่งเสียง
? โอ อา อู เอ?
แบบเป็นจังหวะ ซึ่งการเปล่งเสียงที่ต่างกันนี้จะส่งผลต่ออวัยวะในส่วนที่ต่างกัน ทั้งในส่วนท้อง อก ลำคอ และใบหน้า ตามลำดับ ระหว่างการออกเสียงดังกล่าวนี้จะมีการทำท่าประกอบตามไปด้วย รวมไปถึงในขณะฝึกจะต้องทำจิตใจให้เบิกบาน แจ่มใส เพื่อให้การหัวเราะบำบัดเกิดผลดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับประโยชน์ของการหัวเราะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายในทางที่ดีได้อย่างมากมาย ประโยชน์ประการแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนบนใบหน้าเลยก็คือ ประโยชน์ทางด้านผิวพรรณการหัวเราะบำบัดจะช่วยทำให้เส้นประสาทบริเวณกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ายืดหยุ่น ไม่ตึงหรือเกร็ง ผิวพรรณดี ไม่มีรอยเหี่ยวย่น และไม่เป็นโรคทางผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เกิดสมาธิมากขึ้น สามารถควบคุมความสงบทางจิตใจได้ดี นอนหลับได้เต็มอิ่ม ซึ่งก็จะมีผลต่อผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่งได้เช่นกัน
สำหรับประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับระบบทำงานของสมองพบว่าการหัวเราะจะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทสมองในส่วนพรีฟรอนทอลคอร์เทกซ์ (prefrontal cortex) ที่อยู่บริเวณสมองส่วนหน้า เซลล์สมองในบริเวณนี้จะทำหน้าที่ควบคุมความคิดที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของอารมณ์ทั้งในเชิงบวกและลบ รวมทั้ง ทำหน้าที่ในการหลั่งของสารเอนดอร์ฟิน (endorphin) ซึ่งเป็นสารชีวเคมีที่ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสุขให้มากขึ้น การหัวเราะบำบัดจะทำให้สมองถูกกระตุ้นให้มีการเพิ่มพื้นที่ในการประมวลผลความคิดในเชิงบวกและในเชิงสร้างสรรค์ มีผลทำให้ร่างกายและจิตใจได้รับการบำบัดและฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
อีกหนึ่งประโยชน์ที่เป็นผลพลอยได้จากการหัวเราะก็คือ ประโยชน์ต่อระบบหายใจเพราะ ในระหว่างที่หัวเราะร่างกายจะมีการหายใจเข้า กลั้นหายใจ และการหายใจออกอย่างเป็นระบบ ทำให้ร่างกายขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และรับก๊าซออกซิเจนเข้ามาแทนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซลล์ประสาทหัวใจ ปอด คอ เมื่อได้รับปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้ การหัวเราะยังทำให้ร่างกายเกิดความร้อน ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันและฆ่าเชื้อโรคภายในระบบทางเดินหายใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดไข้หวัด ภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ และโรคปอดได้
มากไปกว่านั้นการหัวเราะยังเป็นผลดีต่อทั้งระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบสืบพันธุ์ของร่างกายได้อีกด้วยนอกจากนี้ การหัวเราะบำบัดยังส่งผลทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว แข็งแรง กระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาท กระดูก กล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นระบบ ป้องกันโรคไขข้อ โรคกระดูกพรุน ลดอาการปวดตามกล้ามเนื้อ และช่วยทำลายสารอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็ง เรียกได้ว่า การหัวเราะช่วยเสริมสุขภาพที่ดีได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยทีเดียว