หาวววว….
ความง่วงกับอาการหาวเป็นเรื่องธรรมชาติที่พบเจอได้ทั่วๆไป โดยปกติ มักมีสาเหตุมาจากความเหนื่อยล้าในการทำงาน หรือการอดหลับอดนอนในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยในช่วงบ่ายๆหลังการรับประทานอาหารกลางวัน
แต่สำหรับบางคน อาการง่วงที่แสดงออกมาอาจแฝงไปด้วยความผิดปกติภายในร่างกาย โดยมักพบว่าคนเหล่านี้จะมีอาการง่วงมากเกินไปหรือง่วงมากผิดปกติ(excessive sleepiness) ลักษณะอาการคือ
ตื่นยาก งีบหลับระหว่างวัน ไม่รู้สึกสดชื่นภายหลังการตื่นนอน นอกเหนือจากอาการง่วงที่มากเกินกว่าคนปกติแล้ว ยังมีอาการหงุดหงิดง่าย วิตกกังวลความจำไม่ดี สมองไม่แล่นและมีอาการซึมเศร้า หากใครกำลังมีอาการเหล่านี้ ให้เริ่มระวังตัวไว้ได้เลยว่า คุณกำลังเกิดภาวะที่ไม่ปกติอยู่และควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
ภาพจาก : http://www.jaowka.com
อาการผิดปกติดังกล่าวนี้สามารถพบได้ทั้งในวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ซึ่งสาเหตุของความง่วงนี้เกิดขึ้นได้จาก 3 ปัจจัย ดังต่อไปนี้
สาเหตุความผิดปกติประการแรกเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการนอนดึกสะสม เช่น พฤติกรรมติดละครทีวีช่วงดึก พฤติกรรมติดเกม เป็นต้น หรืออาจเกิดจากอาการนอนกรนหรือการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ไม่ลึก และสะดุ้งตื่นกลางดึกเพื่อกระตุ้นระบบหายใจให้ทำงานต่อไป รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ทั้งก่อนและหลังคลอดที่อาจเกิดภาวะการนอนหลับไม่เพียงพอเนื่องจากลูกน้อยได้
ปัจจัยด้านที่สอง เกิดมาจากความจำกัดในด้านของเวลาซึ่งผลกระทบในด้านการนอนหลับ เช่น การเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศที่มีความแตกต่างในเรื่องของเวลา การทำงานเป็นกะที่จะเป็นต้องเปลี่ยนเวลานอนเป็นช่วงกลางวันและทำงานในช่วงกลางคืนแทน เป็นต้น ความผันแปรของเวลาทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน จึงเกิดอาการง่วงตอนกลางวันนั่นเอง
ส่วนปัจจัยด้านสุดท้ายเกิดมาจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ส่งผลให้กลไกการควบคุมร่างกายทำงานผิดปกติไปเช่น ผู้ป่วยที่เคยได้รับอุบัติเหตุทางสมอง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในสมอง เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการดังที่กล่าวข้างต้นมักจะมีพฤติกรรมการนอนที่มากกว่าคนปกติ ซึ่งทำให้เกิดอาการง่วงได้ง่ายกว่าคนปกตินั่นเอง
นอกจากสามสาเหตุที่กล่าวมาแล้ว ยังมีโรคบางชนิดที่ส่งผลให้ผู้ป่วยแสดงอาการง่วงมากผิดปกติด้วย เช่น โรคลมหลับ (Nacrolepsy)ที่มักมีอาการง่วงมากผิดปกติในตอนกลางวัน แต่ช่วงกลางคืนกลับนอนได้ไม่สนิทและตื่นบ่อยมาก มีอาการแขนขากระตุกขยับตลอดเวลาประสาทหลอนอารมณ์รุนแรง และแปรปรวนตลอดเวลา ส่วนอีกโรค ชื่อว่า Kleine-Levin syndrome เป็นโรคที่พบมากในช่วงวัยรุ่น อาการที่พบคือ นอนติดต่อกันรวดเดียวนานถึง 20 ชั่วโมง เมื่อตื่นนอนจะกินจุมากผิดปกติ และมีความต้องการทางเพศสูงมาก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การพยายามแก้ง่วงก็เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้การดำเนินชีวิตไปต่อไปได้ วิธีการแก้ง่วงแบบง่ายๆ เช่น การฝึกบริหารลมหายใจเพื่อปลุกร่างกายให้กระฉับกระเฉง การจิบน้ำอุ่นระหว่างวันเพื่อเพิ่มความสดชื่นและทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำไปใช้ในระบบไหลเวียนโลหิตได้ทันที การปรับเปลี่ยนอิริยาบถหรือพยายามหากิจกรรมทำเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวอยู่เสมอ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเติมพลังให้แก่ร่างกาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม วิธีการแก้ปัญหาที่กล่าวมานี้ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุที่แท้จริง การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องต้องคำนึงถึงสาเหตุของอาการง่วงเป็นหลัก
สำหรับแนวทางการแก้ไขที่ยั่งยืนจะต้องเป็นไปตามสาเหตุของการเกิดโรค กล่าวคือ หากอาการง่วงที่เกิดขึ้นเกิดจากสาเหตุของการนอนหลับไม่เพียงพอในตอนกลางคืน คุณก็จะต้องพยายามปรับการใช้ชีวิตของคุณเสียใหม่ โดยการพยายามนอนให้เร็วขึ้น อาจใช้วิธีดื่มนมอุ่นๆก่อนเข้านอน หลีกเลี่ยงการดูโทรทัศน์หรือฟังข่าวสารที่จะทำให้เครียด ตื่นเต้น หรือไม่สบายใจ ก็เป็นอีกหลายๆวิธีที่จะช่วยเติมเต็มให้การนอนหลับสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สำหรับในผู้ใหญ่ทั่วไปควรจะนอนให้ได้นาน 7-9 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนเด็กหากนอนได้ถึง 9 ชั่วโมงก็จะดีมาก
แต่หากสาเหตุของการนอนไม่เต็มอิ่มเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากทางเดินหายใจที่ตีบแคบจนเกินไป ทำให้การหายใจขณะนอนหลับทำได้ยากมากขึ้น ร่างกายจำเป็นต้องพยายามหายใจเข้าและออกให้แรงกว่าปกติเพื่อนำเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายให้เพียงพอ และในบางช่วงขณะที่ช่องทางเดินหายใจแคบมากๆจึงทำให้เกิดอาการหยุดหายใจไปเลยในระยะเวลาสั้นๆ ก็อาจจะต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการดังกล่าวที่ส่งผลต่อการนอนที่ไม่เพียงพอในช่วงกลางคืน การรักษาก็สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การปรับสรีระในช่องปากด้วยการผ่าตัด การจี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง การสอดใส่เครื่องมือเพื่อปรับสภาพ การเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคง หรือการใช้เครื่องช่วยหายใจขณะนอนหลับ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า อาการง่วงในตอนกลางวันนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย เพราะนอกจากจะทำให้เสียบุคลิกภาพเนื่องจากการหาวตลอดเวลาแล้ว ยังมีโรคร้ายแอบแฝงอยู่ด้วย ดังนั้น หากคุณเริ่มรู้ตัวว่า อาการง่วงของคุณเริ่มเข้าข่ายข้อมูลที่กล่าวไว้เบื้องต้น อย่ามัวแต่นิ่งนอนใจ ควรรีบนำอาการที่เกิดขึ้นไปปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที เพราะสัญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณชี้บ่งโรคภัยที่ร่างกายแสดงออกมาเพื่อให้รับรู้ว่า ถึงเวลาซ่อมแซมร่างกายได้แล้วนั่นเอง