ใครจะมีหุ่นสวยไร้พุงได้ตลอดเวลา ก็คงมีบ้างที่จะมีพุงน้อยๆแปะอยู่ที่หน้าท้องของเรา ยิ่งกินมากเท่าไร ขนาดของพุงก็จะยิ่งขยาย และทำให้คุณรู้สึกอึกอัดมากขึ้นเท่านั้น แต่นอกเหนือจากความอึดอัดที่ว่านี้แล้ว ‘พุง’ ยังมีผลอื่นใดต่อชีวิตประจำวันของเราอีกบ้างหรือป่าว วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน ว่าการมีพุงทำให้เกิดผลเสียต่อเราได้อย่างไรบ้าง
หากมองในแง่ของความสวยงาม ก็คงได้คำตอบทันทีว่า พุง ไม่ใช่สิ่งที่ใครต้องการอย่างแน่นอน เพราะมันจะขัดขวางการมีหุ่นดีที่เราคิดไว้ สำหรับในเรื่องของสุขภาพแล้ว พุง ก็ทำร้ายเราไม่น้อยเช่นกัน เพราะไขมันเหล่านี้ คือ ตัวร้ายที่อาจส่งผลให้เกิดโรคได้อย่างมากมาย ดังต่อไปนี้
การที่คนเรามีพุงนั้น เกิดมาจากอะไร เหตุผลที่ร่างกายมีการสะสมก้อนไขมันที่หน้าท้องขึ้นมา ก็เพราะว่า ‘พฤติกรรมการรับประทานอาหาร’ กับ ‘การออกแรง’ นั้น ไม่สมดุลกัน กล่าวคือ เรารับประทานอาหารเข้าไปมากกว่าการออกแรงเอามันออก ทำให้พลังงานจากอาหารนั้นๆแปรเปลี่ยนมาเป็นไขมันที่สะสมอยู่ตามชั้นใต้ผิวหนัง เมื่อสะสมมากๆเข้า ก็กลายเป็นพุงกลมๆ อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของคนอ้วนนั่นเอง

แต่การจะเรียกว่าเกิดอาการลงพุงนั้น ไม่ใช่จะเกิดกันง่ายๆ เพราะแค่มีเพียงไขมันเล็กน้อยที่เอว อาจยังไม่สามารถเรียกว่า ‘ลงพุง‘ ได้ การลงพุงที่เรียกว่า “Metabolic Syndrome” นี้ จะมีลักษณะสำคัญก็คือ ผู้ชายจะต้องมีรอบเอวที่มากกว่า 36 นิ้ว ส่วนผู้หญิงจะต้องมีรอบเอวที่มากกว่า 32 นิ้ว จึงจะมีสิทธิเรียกได้ว่ามีพุง ซึ่งเมื่อถึงภาวะนั้นๆแล้ว จะมีผลเสียต่อสุขภาพในแง่ใดบ้าง ตามมาดูกัน
การอ้วนแบบลงพุง หรือแบบเมตาโบลิกนี้ คือ ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคโรคร้ายๆได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะไขมันรอบพุงสามารถปล่อยสารเคมีออกมาได้หลายอย่าง ซึ่งสารเหล่านี้จะไปมีผลให้เซลล์ในเนื้อเยื่อต่างๆเกิดอาการดื้อต่ออินซูลิน เมื่อเซลล์ร่างกายดื้อต่ออินซูลินก็จะทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้น และมีผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นตามมา เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว โรคหัวใจหรือโรคความดันโลหิตสูงก็ถือเป็นผลพลอยได้ที่ติดสอยตามมาด้วย ซึ่งแม้ว่าคุณจะไม่ค่อยอยากได้ของแถมนี้สักเท่าไร แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธมันได้
นอกเสียจากภัยร้ายที่ทำลายสุขภาพแล้ว การมีพุงยังส่งผลเสียต่อชีวิตประจำวันของคุณอีกด้วย เพราะการที่ร่างกายต้องแบกรับพุงกลมๆเอาไว้ตลอดเวลา ย่อมเปรียบเสมือนการที่คุณต้องแบกรับน้ำหนักที่มากไปกว่าเดิมด้วย ซึ่งมีผลทำให้ท่าทางการเดินของคุณไม่สง่างาม หรือหลังค่อมกว่าคนปกติ อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อเส้นเลือด กระดูก และข้อได้ เนื่องจากชั้นไขมันที่เพิ่มขึ้นจะไปกระทบต่อการระบบการไหลเวียนของโลหิต ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการเส้นเลือดขอดได้ ส่วนน้ำหนักตัวที่มากขึ้น ก็ส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้างของร่างกาย คนอ้วนลงพุงที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า จึงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความเสื่อมของกระดูกได้ง่ายมากขึ้น หรืออาจต้องประสบพบเจอกับปัญหาการเจ็บข้อ เจ็บเข่า ได้บ่อยกว่าคนที่ผอมหรือมีน้ำหนักในเกณฑ์ปกติ
ไม่ผิดหรอกค่ะที่คุณอ้วนมีพุง แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรพยายามลดไขมันส่วนนี้ให้น้อยลงหน่อย ซึ่งวิธีในการปรับเปลี่ยนก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าหักโหม เพราะการที่เราหักดิบด้วยการอดข้าวอดน้ำ ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อเราแต่อย่างใด แถมยังจะทำให้มีสิทธิกลับมาอ้วนกว่าที่เคยเป็นอีกด้วย เพราะเกิดอาการโมโหหิวมากเกินไป ดังนั้น การพยายามลดการทานไขมันทีละนิด น้ำตาลทีละหน่อย หรือลดเค็มทีละน้อย ย่อมช่วยให้สามารถเห็นผลได้ดีมากกว่า อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการให้รางวัลแก่ชีวิตด้วยการรับประทานของที่ชอบบ้าง เพื่อให้เกิดแรงจูงใจและมีอารมณ์ที่ดีในการลดน้ำหนักต่อไป
หากคิดว่าการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียวก็คงจะเพียงพอแล้วที่จะสลายพุงได้ ก็อยากให้คุณเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยสลายไขมันส่วนเกินที่หน้าท้องไปได้ คือ การพยายามออกแรงเพื่อใช้พลังงานส่วนเกินเหล่านี้ ดังนั้น การนอนอยู่บ้านแต่ทานอาหารควบคุมน้ำหนัก คงจะไม่เห็นผลเร็วเท่ากับการออกไปออกกำลังกาย พร้อมกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่พอเหมาะ หากสามารถออกกำลังกายได้เพียงแค่ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และแต่ละครั้งก็ใช้เวลาอยู่กับมันให้ได้ติดต่อกันสัก 30 นาที ก็น่าจะช่วยปรับชีวิตให้เข้าที่เข้าทางได้ดีขึ้น และคงจะช่วยให้คุณสามารถกำจัดพุงที่ไม่ต้องการไปได้อย่างแน่นอน
ไม่ยากที่จะเปลี่ยน แค่คุณพร้อมที่จะเริ่มต้นตอนนี้แล้วหรือยัง? ลองถามใจตัวเองให้ดีเถอะค่ะ ว่าคุณนั้นยังอยากมีสุขภาพดีต่อไปนานๆหรือไม่? ถ้าคำตอบคือใช่ ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะลุกขึ้นมาสลัดความขี้เกียจ และปลุกความตื่นตัวในร่างกายให้ลุกโชติช่วงอีกครั้ง ทีนี้ ไขมันที่เคยมีก็คงจะสลายหายไปจากร่างกายของคุณได้อย่างแน่นอน