ในวันที่อากาศร้อน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆแสนชื่นใจ ที่จะช่วยดับความกระหายและช่วยเติมน้ำตาลเพื่อเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย แต่น้ำหวานอย่างน้ำอัดลมที่มีส่วนช่วยในการเติมเต็มความสดชื่นให้กลับมาอีกครั้งนั้น มีอันตรายอะไรบ้างที่แอบแฝงอยู่ มาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันได้เลยคะ
“น้ำอัดลม“ จัดได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และมีให้เลือกหลายสี หลากรสชาติตามความต้องการของผู้บริโภค โดยหากจะแบ่งประเภทของน้ำอัดลมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นน้ำอัดลมที่มีการเติมคาเฟอีน หรือ น้ำโคล่า โดยสารคาเฟอีนในเครื่องดื่มจะสกัดได้มาจากใบของต้นโคคา ส่วนสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลดำได้มาจากสีผสมอาหารที่เป็นสีของน้ำตาลเคี่ยวไหม้ ซึ่งในปัจจุบันเครื่องดื่มโคล่ามีให้เลือกดื่มทั้งแบบใช้น้ำตาลเป็นสารให้ความหวาน และแบบที่ลดพลังงานด้วยการใช้น้ำตาลเทียมหรือน้ำตาลพลังงานต่ำเป็นสารให้ความหวาน ส่วนอีกประเภทคือ น้ำอัดลมที่ไม่มีคาเฟอีน ได้แก่ น้ำอัดลมที่มีการเติมหัวเชื้อกลิ่นน้ำผลไม้และมีสีสันน่ารับประทาน โดยกลิ่นที่แต่งจะเลียนแบบน้ำผลไม้ เช่น ส้ม องุ่น มะนาว ลิ้นจี่ เป็นต้น
ภาพจาก : http://www.toomuchof.com/soda-soft-drinks/
มาดูกันต่อว่า ในน้ำอัดลมที่เราดื่มกินกันอยู่ทุกวันนี้มีส่วนผสมเป็นอะไรบ้าง
ส่วนประกอบหลักสำคัญในน้ำอัดลม ได้แก่ น้ำ, น้ำตาล, กรดคาร์บอนิก, กรดฟอสฟอริก, คาเฟอีน, สี, กลิ่น และ สารกันบูด โดยน้ำถือเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่มีมากที่สุด รองลงมาเป็นสารให้ความหวาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นน้ำตาล สารให้ความหวานตัวนี้เองที่เป็นสิ่งที่ช่วยให้รสชาติหวานถูกลิ้นและเติมพลังงานให้แก่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม การบริโภคน้ำอัดลมในปริมาณที่มากก็จะส่งผลให้ร่างกายได้รับน้ำตาลที่เกินขนาดได้ และเมื่อน้ำตาลมากเกินไปก็จะส่งผลให้ร่างกายจำเป็นต้องผลิตอินซูลินให้มากขึ้นเพื่อเก็บสะสมในรูปของไกลโคเจนและไขมันใต้ผิวหนัง หรือเป็นต้นเหตุให้ของน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ผลข้างเคียงของการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปจะทำให้เรารู้สึกอิ่มตลอดเวลาและรับประทานอาหารได้น้อยลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดสารอาหารได้ แต่ถ้าใครบอกว่า ฉันดื่มน้ำอัดลมแบบ light หรือ แบบ zero ที่มีการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ไม่ให้พลังงาน แล้วคิดว่าจะมีประโยชน์กว่าการดื่มน้ำอัดลมผสมน้ำตาลแล้วละก็ จะต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ เพราะสารให้ความหวานแทนน้ำตาลบางชนิดอาจก่อให้เกิดพิษต่อร่างกายหรืออาจเป็นสารก่อมะเร็งที่มีผลในระยะยาวได้
ส่วนประกอบต่อมาก็คือ กรดคาร์บอนิก ที่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้น้ำอัดลมซ่า มีฟอง และมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ กรดคาร์บอนิกที่เติมในน้ำอัดลมได้จากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยใช้ความดันสูงเพื่อผสมให้เข้ากัน กรดคาร์บอนิกนี้มีคุณสมบัติในการกัดกร่อนสูง สามารถย่อยสลายหินปูน กัดกร่อนกระดูกและฟัน ทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้นอนหลับยาก และทำให้ฟันผุได้
อีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญ ก็คือ คาเฟอีน ซึ่งจะพบในน้ำอัดลมโคล่าเท่านั้น สารตัวนี้จัดเป็นสารกระตุ้นประสาทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้ร่างกายตื่นตัวและหายง่วง สารตัวนี้เป็นสารที่เมื่อได้รับแล้ว ร่างกายจะมีความต้องการมากขึ้นอีก และหากฝืนโดยการหยุดบริโภคอย่างทันที ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้อาเจียนได้ ดังนั้น การบริโภคคาเฟอีนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จึงอาจนำไปสู่ภาวะเสพติดคาเฟอีนได้
อีกหนึ่งส่วนผสมที่ช่วยยืดอายุการเก็บของน้ำอัดลมก็คือ กรดซิตริก ที่มีความสามารถในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากสารชนิดนี้มีความเป็นกรดที่ค่อนข้างแรง การดื่มในปริมาณมากจึงอาจส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหารได้
จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น อาจพอสรุปได้ว่า การดื่มน้ำอัดลมถือเป็นวิธีในการดับกระหายคลายร้อนที่ดีวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้เรารู้สึกสดชื่น ตื่นตัว และกระปรี้กระเปร่าทันทีที่ได้ดื่ม อย่างไรก็ตาม ไม่ควรดื่มบ่อยมากจนเกินไป เพราะนอกจากจะไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าไหร่แล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น อาจเกิดอาการแน่นท้องหรือท้องอืด ทำให้ฟันผุ และส่งผลให้เกิดโรคอ้วนตามมาได้
การดื่มน้ำอัดลมไม่ใช่พฤติกรรมต้องห้าม แต่จำเป็นต้องดื่มด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดโทษต่อร่างกาย ซึ่งวิธีการโดยหลักก็คือ การบริโภคแต่น้อย ไม่ดื่มน้ำอัดลมก่อนรับประทานอาหารมื้อหลักเพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มและรับประทานอาหารอื่นๆได้น้อยลง หลังการดื่มควรบ้วนปากหรือแปรงฟันเสมอเพื่อป้องกันฟันผุ และสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโรคกระเพาะไม่ควรดื่มบ่อย เพราะอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ง่าย
แม้ว่าน้ำอัดลมจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ แต่ก็ยังพบเห็นสินค้าประเภทนี้วางขายกันอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะด้วยรสชาติที่อร่อยถูกปากและความสามารถในการดับกระหาย จึงทำให้ผู้บริโภคยอมที่จะแลกกับผลเสียทางสุขภาพที่จะได้มา อย่างไรก็ตามการรับประทานอย่างพอเหมาะพอควรร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำให้คุณได้ทั้งความอร่อยและมีสุขภาพดีไปด้วยในเวลาเดียวกัน