เมืองไทยเป็นเมืองร้อน และอยู่ใกล้พระอาทิตย์มาก ดังนั้น การที่คุณรู้จักการใช้ครีมกันแดดจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าใช้แบบผิดๆ นอกจากจะสิ้นเปลืองเงินแล้ว ยังไร้ประโยชน์ด้วย มาดูกันดีกว่าว่าวิธีใช้ที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร พร้อมแล้วไปดูเลย
1. รอใกล้จะออกแดดก่อนถึงทา
ครีมกันแดดทุกชนิดไม่ได้เปิดปุ๊บติดปั๊บเสมอไปหรอกนะคะ ควรให้เวลามันด้วย เพราะครีมเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยเวลาในการ “ดูดซึม” ลงไปสู่ผิวหนัง เพื่อเข้าไปป้องกันผิวของเราจากแสง UV ดังนั้น ทาครีมกันแดดล่วงหน้าสัก 30 นาที ก่อนการออกแดด จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการปกป้องผิวของเรามากที่สุด
2. ใช้ครีมทาตัวมาทาหน้า
ครีมที่ใช้ทา 2 บริเวณนี้ต้องแยกกันให้ออกอย่างชัดเจน เพราะครีมทั้งสองตัวจำเพาะต่อผิวหนังที่ต่างกันมาก ผิวหน้าจะมีความไวต่อแสงและสารเคมีต่างๆมากกว่า ดังนั้น จึงไม่ควรนำครีมทาตัวมามาหน้าเด็ดขาด เพราะถ้าคุณเลือกผิด ครีมนั้นๆอาจจะกระตุ้นสิวและทำให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหน้าได้

3. ลืมทาริมฝีปาก
ถ้าเปรียบเทียบแล้ว ริมฝีปากถือเป็นส่วนของผิวหนังที่อ่อนไหวต่อแสงมากกว่าส่วนไหนๆ ดังนั้น การดูแลริมฝีปากจึงสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าส่วนไหนเลย แต่ครั้นจะเอาครีมกันแดดทาไปที่ปากก็คงไม่ใช่เรื่อง การจะเลือกป้องกันริมฝีปากของคุณจึงอาจจะต้องมีวิธีที่พิเศษสักหน่อย คือการใช้ “ลิปบาล์มกันแดด” ที่มี SPF ด้วย และต้องใช้บ่อยๆหลังการล้างปาก, ล้างหน้า และหลังมื้ออาหาร เพียงเท่านี้ ริมฝีปากก็ได้รับการดูแลที่เหมาะสมได้แล้ว
4. เลือกใช้ครีมไม่ครอบคลุม
ครีมกันแดดที่ดีควรป้องกันแสง UV ได้ทุกชนิด เพราะบางชนิดจะสามารถกันได้แค่รังสียูวีในแถบใดแถบหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น การสังเกตฉลากให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณรู้สึกถึงความปลอดภัยหลังการทาครีมกันแดดได้มากกว่า เคล็ดลับง่ายๆ ก็คือ การเลือกกันแดดชนิดที่มีคำว่า “บรอด สเป็กตรัม(Broad spectrum)” หรือแปลว่าสามารถกันยูวีได้ในวงกว้างนั่นเอง
5. ล้างออกโดยไม่รู้ตัว
กิจกรรมบางอย่างทำให้ครีมถูกล้างออกไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว และมัวแต่คิดว่าคุณทาครีมกันแดดไปแล้ว ครีมก็น่าจะยังคงปกป้องคุณได้อยู่ แต่ในความเป็นจริงครีมที่คุณทานั้นได้ละลายไปกับน้ำหรือเหงื่อไปหมดแล้ว ดังนั้น การทาครีมกันแดดซ้ำๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะช่วยปกป้องผิวของเราจากแดดได้อย่างยาวนานที่สุด
6. ทาครีมเฉพาะส่วนที่ไม่อยู่ใต้ร่มผ้า
คนส่วนใหญ่มักจะทาครีมหลังจากใส่ชุดสวยไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องค่อยๆ หยอดครีมกันแดดลงไปตรงส่วนที่อยู่นอกร่มผ้าอย่างทุลักทุเล เพราะกลัวเสื้อจะเปื้อน ลองเปลี่ยนวิธีเป็นการทาครีมกันแดดมาเป็นการทาก่อนใส่ชุดดูสิค่ะ เพราะนอกจากจะทาง่ายแล้ว ยังสามารถทาได้ทุกจุดที่เข้าถึงยากอย่างกลางหลัง หรือหลังต้นขา อีกด้วย
7. ถ้าไม่มีแดดก็ไม่ต้องทาครีมกันแดด
หลายคนเลือกที่จะทาครีมกันแดดเฉพาะเวลาที่ออกแดดเท่านั้น วันไหนที่ฟ้าครึ้ม เมฆหม่น ดูเหมือนไม่มีแดด ก็จะไม่ยอมทาครีมให้เปลือง ซึ่งถ้าคุณกำลังคิดเช่นนี้อยู่ คุณก็คิดผิดซะแล้ว เพราะแม้ว่าจะไม่มีแดด แต่ก็ยังมีแสง UV อยู่ทุกที่ และแสง UV นี่ละที่แอบลอบทำร้ายผิวของคุณอย่างน่ากลัว ดังนั้น แม้ว่าจะไม่ออกไปเจอแดดที่ไหน คุณก็ควรทาครีมกันเอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยจากแสง UV
8. ทาน้อยเกินไป
หลายคนกลัวว่าปริมาณครีมกันแดดที่เราใส่ลงบนผิวจะมากเกินไป จนบางครั้งเราอาจทาไม่เพียงพอ จนไม่สามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคนิคง่ายๆที่จะทำให้คุณใช้ครีมกันแดดได้พอดี ก็คือ ทุกครั้งที่ใช้ให้กะปริมาณครีมให้เท่ากับแก้วช็อต 1 ใบหรือ ราว 45 ซีซี. นั่นเอง
หรือถ้าใครถนัดการใช้แบบสเปรย์มากกว่าก็ได้เช่นกัน ซึ่งวิธีการใช้ให้คุณถือขวดสเปรย์ให้ห่างจากผิวไม่เกิน 6 นิ้ว แล้วใช้ มือทั้งสองข้างช่วยกันละเลงสเปรย์ให้ทั่ว เพียงเท่านี้ก็ทั่วถึงและเท่าเทียมทุกจุดแล้ว
9. ลืมทาจุดบอดในร่างกาย
เวลาที่เราออกแดด แดดจะเล่นงานเราทุกที่ แต่ตอนที่เราทาครีมกันแดด เรากลับหลงลืมส่วนของอวัยวะบางส่วนที่เป็นจุดบอดของร่างกาย เช่น นิ้วเท้า, ฝ่าเท้า, ใต้วงแขน และหลังคอส่วนท้ายทอย, เปลือกตา และหลังหู เป็นต้น และมีผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นดำคล้ำกว่าปกติได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมทาครีมให้ทั่วทั้งตัวนะคะ ผิวจะได้เนียนเป็นสีเดียวกัน
10. อยู่ในรถยิ่งต้องทา
คนที่ต้องขับรถไปไหนมาไหนบ่อยๆหรืออาศัยอยู่ในรถยนต์นานๆ ต้องทาครีมกันแดดไว้ให้ดีเลยค่ะ เพราะแม้ว่าแอร์ในรถจะเย็นฉ่ำจนทำให้คุณลืมแสงแดดร้อนๆที่สาดส่องเข้ามา แต่โอกาสที่คุณจะได้รับรังสี UVไม่ว่า UVA หรือ UVB ก็ยังมีอยู่เช่นเดิม ดังนั้น ถ้าไม่ทาครีมกันเอาไว้ คุณก็จะเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยแก่ก่อนวัย หรือไม่ก็อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้
หากเลือกใช้ครีมกันแดดที่ถูกชนิด ถูกวิธี ถูกเวลา และถูกปริมาณแล้ว ปัญหาผิวหนังดำคล้ำ หย่อนยาน ก็คงเกิดขึ้นได้ช้าลงแน่ๆ ลองนำไปปฏิบัติตามกันดูนะคะ