หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องการนวดเท้าที่สามารถช่วยคลายอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ หรือช่วยบรรเทารักษาโรคได้ แต่ไม่ใช่เฉพาะแค่การนวดเท้าเท่านั้นนะคะที่มีประโยชน์ แต่การนวดมือก็เป็นการผ่อนคลายที่ดีเช่นกัน เพราะฝ่ามือก็เป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทมากมาย ที่สามารถเชื่อมโยงอวัยวะต่างๆเข้าหากันได้
และเมื่อโลกนี้ไม่มีใครอยากป่วย การเรียนรู้วิธีการดูแลรักษาตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสาเหตุของโรคร้ายล้วนแฝงตัวมากับอาหาร หรือสิ่งแวดล้อมแทบทั้งนั้น หากใครอยากร่างกายแข็งแรงลองใช้วิธีการ “นวดฝ่ามือ” มาบรรเทาความเจ็บปวดของร่างกายของคุณดูสิค่ะ การนวดฝ่ามือจะช่วยแก้โรคร้ายอะไรได้บ้าง ตามมาดูกันเลย

1. นวดกระตุ้นต่อมไทรอยด์
เวลาที่รู้สึกกระวนกระวาย อยู่ไม่สุข จิตใจไม่เบิกบาน ซึมเศร้า เชื่องช้า หรือเก็บกด อาจมีสาเหตุหลักมาจากการทำงานของต่อมไทรอยด์ สามารถนวดกระตุ้นต่อมไทรอยด์ได้ดังนี้
– ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งกดที่โคนนิ้วหัวแม่มือด้านในของอีกข้างหนึ่ง และนวดกดไล่ไปรอบๆบริเวณนี้ หากมีความผิดปกติที่ต่อมไทรอยด์ จะรู้สึกเจ็บเวลากด
2. นวดเพิ่มการมองเห็น
อยากให้มองเห็นชัดเจนนอกจากจะนวดตาแล้ว ยังสามารถนวดมือได้ด้วย ทำง่ายๆตามนี้ค่ะ
– ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดกดหมุนบริเวณโคนนิ้วทุกนิ้ว นิ้วละ 2-3 วินาที นวดถูให้ทั่วมือ
3. นวดกระตุ้นการได้ยิน
ใครหูไม่ดี ลองนวดกระตุ้นการได้ยินดูสิค่ะ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
– นวดกดปลายนิ้วทุกนิ้ว ค้างไว้นิ้วละ 4 นาที จะช่วยส่งพลังผ่านไซนัสที่สัมพันธ์กับการได้ยินได้
4. นวดแก้ไอ
จุดสะท้อนลำคอนั้นตั้งอยู่บริเวณนิ้วโป้งและนิ้วใกล้เคียง ฉะนั้น เวลาไอหรือมีปัญหาเกิดขึ้นที่ลำคอ ก็ให้นวดกดจุดบริเวณนั้น ด้วยวิธีการดังนี้
– ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้กดบีบบริเวณโคนนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ค้างไว้ 5-10 นาที แล้วปล่อย
5. นวดแก้ปวดไมเกรน
อาการนี้เป็นกันเยอะ เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการปวดไมเกรนแล้ว ให้แก้ไขไปที่ต้นเหตุ โดยการแก้ไขที่การไหลเวียนโลหิตในสมอง ซึ่งทำได้ด้วยการนวดนิ้ว การบำบัดอาการปวดควรทำให้เส้นประสาทต่างๆผ่อนคลาย พร้อมกับกระตุ้นให้มีโลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น ด้วยวิธีดังนี้
– นวดผ่อนคลายบริเวณนิ้วโป้ง เพื่อสร้างความสมดุลของฮอร์โมนและลดระดับสารเอ็นโดฟิน
6. นวดแก้ผมร่วงและผมหงอก
หากปัญหาผมร่วง ผมหงอกกำลังรังควาญใจคุณอยู่ ให้ลองนวดจุดสะท้อนเส้นผมบ่อยๆ มันจะช่วยยับยั้งการหลุดร่วงและการหงอกก่อนวัยได้ วิธีนวดทำได้โดย
– กำมือทั้งสองข้างไว้หลวมๆ ประกบกำมือทั้งสองข้างเข้าหากัน โดยให้เล็บทั้งสองมือชนกัน
– ถูเล็บมือซ้ายกับเล็บมือขวาเร็วๆ ทำท่านี้วันละ 1 ครั้งๆ ละ 5 นาที

7. นวดแก้ปวดหลัง
การนวดมือช่วยแก้ปวดหลังได้ หากนวดได้ตรงจุดจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากความตึงเครียดได้ โดยต้องกดนวดดังนี้
– แก้ปวดบริเวณต้นคอ ให้กดนวดบริเวณข้อแรกของนิ้วโป้งมือซ้าย
– แก้ปวดบริเวณกระดูกสันหลังส่วนอื่นๆ ให้กดนวดบริเวณข้อแรกของนิ้วโป้งมือขวา
8. นวดกระตุ้นการย่อยอาหาร
เพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพการย่อยอาหารให้ดีขึ้น ต้องลองกดนวดกระตุ้นจุดนี้ด้วยวิธีการดังนี้
– ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางมือขวา จับบริเวณจุดสะท้อนกระเพาะอาหาร ซึ่งอยู่บริเวณจุดตัดของโคนนิ้วโป้งและนิ้วชี้มือซ้าย
– กดคลึงจุดนั้นด้วยนิ้วโป้ง ขณะที่นิ้วชี้และนิ้วกลางกึ่งประคองกึ่งกดด้านหลังมือเอาไว้
9. นวดบำรุงหัวใจ
ถ้าอยากให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง สามารถทำได้ด้วยการนวดกดจุดสะท้อนหัวใจ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
– กดจุดสะท้อนหัวใจบนมือ บริเวณกลางฝ่ามือ ใต้นิ้วนางของมือซ้าย กดจุดนั้นด้วยนิ้วโป้งซ้าย ส่วนอีกสี่นิ้วที่เหลือให้ประคองหลังมือ และกดจิกหลังมือไว้
10. นวดแก้อาการเป็นลม
หากเจอคนกำลังเป็นลม นอกจากจะให้ดมยาดมแล้ว ให้นวดมือเขาไปพร้อมกันด้วย การนวดที่ถูกต้องจะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนในสมองได้อย่างเพียงพอ และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
– เริ่มออกแรงกดที่ปลายสุดของหัวแม่มือซ้ายด้วยหัวแม่มือขวา และหมุนวน หากพบจุดที่นุ่มมากผิดปกติบนปลายหัวแม่มือ นั่นสะท้อนว่าสมองมีปัญหา ให้กดนวดปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางด้วย เพื่อกระตุ้นสมองให้ควบคุมการทำงานของประสาทส่วนกลาง
– ถ้ายังรู้สึกมึนงงอยู่ ให้กดนวดปลายนิ้วนางและนิ้วก้อยด้วย
11. นวดกระตุ้นตับ
การนวดกระตุ้นตับ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างเซลล์ใหม่ของตับได้ ด้วยวิธีคือ
– กดจุดสะท้อนตับบนมือ ตรงบริเวณกลางฝ่ามือ ใต้นิ้วนางของมือขวา กดด้วยนิ้วโป้งซ้าย นวดถูไปมา ให้กินพื้นที่บริเวณจุดสะท้อนปอดด้วย
– จากนั้นให้สลับนวดไปที่มือซ้าย นวดจุดสะท้อนหัวใจซึ่งอยู่ตำแหน่งเดียวกับตับ
12. นวดกระตุ้นไต
การนวดที่จุดนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีกระบวนการกรองและขับของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
– ใช้นิ้วแม่มือขวากดจุดสะท้อนไต ซึ่งอยู่บริเวณจุดตัดระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ โดยออกแรงกดและหมุนไปรอบๆ บริเวณ นานราว 2-3 วินาที
– สลับนวดมือขวาด้วยนิ้วโป้งข้างซ้าย
การนวดถูกวิธี สามารถบรรเทาโรคภัยต่างๆได้มากมาย แต่ถ้าทำแล้วยังไม่รู้สึกดีขึ้น ก็ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์อย่างละเอียด เพื่อการรักษาที่ถูกต้องต่อไป