ผู้หญิงกับผ้าอนามัยเป็นของคู่กัน แต่สำหรับผู้หญิงไทยแล้วโดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่นเสียมากกว่า เพราะใช้สะดวกและใช้ง่ายมากกว่าผ้าอนามัยแบบสอด
แต่ในบางครั้ง ผ้าอนามัยแบบแผ่นก็อาจจะไม่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันที่เป็นอยู่ เพราะบางคยอาจจะต้องลุยน้ำหรือทำกิจกรรมผาดโผน ที่อาจจะทำให้ไม่สะดวกหากใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่น
ด้วยเหตุนี้ผ้าอนามัยแบบสอดจึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ของสาวๆที่จำเป็นต้องใช้มัน แต่เชื่อเถอะว่าสาวๆที่ไม่เคยใช้ ต้องมีความกังวลหรือความกลัวผ้าอนามัยแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะวิธีในการใช้ของมันค่อนข้างซับซ้อนกว่าที่คุณเคยเจอมา
แต่ถ้าคุณรู้วิธีที่ถูกต้อง การใช้ผ้าอนามัยจะไม่น่ากลัวเลย และไม่จำเป็นต้องมีเรื่องอะไรที่จะต้องกังวลใจอีกต่อไป วันนี้มาเรียนรู้กันดีกว่าว่าผ้าอนามัยแบบสอดต้องใช้อย่างไรถึงจะถูกหลัก และปกป้องประจำเดือนของเราได้อย่างดีมากที่สุด

รู้จักผ้าอนามัยแบบสอดกันก่อน
“ผ้าอนามัยแบบสอด” มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “แทมปอน (Tampon)” ลักษณะการใช้ของผ้าอนามัยชนิดนี้จะต้องสอดเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งเป็นผลให้สาวๆไทยไม่ค่อยนิยมใช้กันเสียเท่าไรนัก
ส่วนหนึ่งที่หลายคนคิด ก็คือ ผ้าอนามัยชนิดนี้อาจจะส่งเสียต่อช่องคลอด เพราะจำเป็นจะต้องสอดมันเข้าไปในร่างกายของสาวๆ ในบริเวณช่องคลอด ซึ่งโดยทางสรีระแล้ว สาวๆคงไม่อยากให้มีอะไรแปลกปลอมเข้ามาเสียบเข้าไปในร่างกายแน่ๆ และถ้าเสียบผิดที่หรือผิดลักษณะ ก็อาจจะมีผลเสียต่อร่างกายหรือไม่อย่างไร
ความกังวลเหล่านี้ทำให้สาวๆส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ใช้มัน แต่ถ้าพวกเราหันมาทำความเข้าใจ จะรู้เลยว่าผ้าอนามัยแบบนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แถมยังเป็นประโยชน์มากๆอีกด้วย
ประโยชน์ที่เหนือกว่า
ข้อดีของผ้าอนามัยแบบสอดเป็นอย่างไรบ้าง มาเรียนรู้ไปทีละข้อกันเถอะค่ะ
1. ใส่สบาย คล่องตัว สาวๆที่ต้องการความคล่องตัวระหว่างวัน ผ้าอนามัยแบบแผ่นคงตอบโจทย์ได้ไม่ดีเท่ากับผ้าอนามัยแบบสอดแน่ๆ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำไมผู้หญิงบางกลุ่มนิยมหันมาใช้ผ้าอนามัยแบบนี้
2. ไม่ต้องกลัวน้ำ
สำหรับใครที่ต้องลงน้ำบ่อย เช่น เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เป็นครูสอนว่ายน้ำ เป็นต้น คุณคงจะหลีกเลี่ยงการลงน้ำได้ยาก เพราะมันคือหน้าที่การงานที่ต้องทำเกือบทุกวัน และประจำเดือนก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน คนกลุ่มนี้จึงเหมาะมากที่จะใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เพราะสามารถใส่ลงน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเลือดประจำเดือนจะไหลซึมเปื้อนออกมา
3. ไม่ทำให้ขาหนีบดำ บางคนเกิดปัญหานี้เมื่อต้องใส่ผ้าอนามัยแบบแผ่น แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อคุณหันมาใช้ผ้าอนามัยแบบสอดแทน เพราะผ้าอนามัยแบบนี้จะป้องกันการเสียดสีของผิวหนัง นอกจากนี้ยังเหมาะกับการใส่เสื้อผ้าแบบแนบเนื้อด้วย

หลังจากทราบประโยชน์กันไปแล้ว มาดูวิธีการสวมใส่กันสักหน่อยดีกว่า จะได้ใช้กันได้อย่างถูกต้อง
วิธีใส่ผ้าอนามัยแบบสอด
1. ล้างมือให้สะอาด เนื่องจากเราจำเป็นต้องใช้มือสัมผัสกับผ้าอนามัยก่อนสอดเข้าไปในร่างกาย ดังนั้น การรักษาความสะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอด
2. แกะผ้าอนามัยออกจากซองพลาสติก
3. จับปลายของผ้าอนามัยด้านที่มีเชือกห้อยไว้
4. สำหรับผ้าอนามัยที่มีก้าน – ให้ดันก้านผ้าอนามัยเข้าไปในช่องคลอดให้ลึกสุด แล้วจึงดึงก้านออกมา สำหรับผ้าอนามัยที่ไม่มีก้าน – ให้ใช้นิ้วดันผ้าอนามัยเข้าไปประมาณ 2 ข้อนิ้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมและดีที่สุด ใส่ได้สบาย ไม่เจ็บ
5. เมื่อใส่เสร็จแล้ว อย่าเผลอดึงเชือกที่ห้อยออกมาออก เพราะเชือกเส้นนี้มีไว้สำหรับตอนที่คุณต้องการดึงผ้าอนามัยทิ้งตอนที่คุณต้องการจะเปลี่ยนอันใหม่เท่านั้น
6. เมื่อใช้เสร็จ จึงดึงเชือกเพื่อนำผ้าอนามัยออกมา จากนั้นห่อกระดาษทิ้งให้เรียบร้อย
ข้อควรระวัง
1. ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอดนานเกินไป วิธีที่เหมาะสม คือ ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4-6 ชั่วโมง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการลดความอับชื้น และเพื่อรักษาความสะอาดนั่นเอง
2. ไม่ควรใส่ผ้าอนามัยแบบสอดจอนเข้านอน เพราะช่วงเวลาการนอนที่ยาวนานอาจทำให้ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อได้ หากต้องการใช้ควรใช้ระหว่างวันจะดีที่สุด
วิธีการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดก็ไม่ได้มีความยุ่งยากมากเท่าไหร่เลย และจะมีความปลอดภัยมากถ้าหากคุณใช้มันอย่างถูกวิธี ในทางตรงข้าม หากคุณใช้มันอย่างผิดวิธี ใส่นานเกินความจำเป็น ก็อาจทำให้ช่องคลอดติดเชื้อ และหากสะสมนานไปก้สามารถลุกลามจนทำให้เกิดภาวะช็อกเฉียบพลันอันเกิดจากพิษของแบคทีเรียที่สะสมอยู่ได้เช่นกัน
สำหรับสาวๆคนไหนที่กำลังเบื่อผ้าอนามัยแบบแผ่น หรือเห็นว่าผ้าอนามัยแบบแผ่นไม่สะดวกใช้สำหรับคุณ ก็ลองหันมาใช้ผ้าอนามัยแบบสอดกันดูได้ เพราะหากคุณปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้อง มีการเปลี่ยนผ้าอนามัยตามระยะเวลาที่เหมาะสม ก็ย่อมทำให้เกิดสุขลักษณะที่ดีและปลอดการติดเชื้อ
ที่สำคัญ…ผ้าอนามัยแบบสอดยังทำให้คุณทำงานหรือใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นได้ด้วย โดยหมดความกังวลว่าประจำเดือนจะซึมเปื้อนหรือเลอะเทอะ พร้อมกับการที่คุณสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น แล้วแบบนี้ทำไมจะไม่ลองดูละคะ