ที่บ้านใครชอบทำกับข้าวทานเองที่บ้านบ้างค่ะ? เวลาที่เราทำกับข้าวกินที่บ้าน เราก็อาจจะต้องทำอาหารในปริมาณที่มากเสียหน่อย เพื่อให้สามารถทานได้หลายวัน ซึ่งไม่แปลกที่คนเราจะเอาอาหารที่เหลือค้างจากเมื่อวานมาอุ่นซ้ำแล้วทานใหม่
ซึ่งแน่นอนว่าวันแรกๆอาหารที่ทำก็ยังร้อนๆ และก็ย่อมอร่อยมากที่สุด แต่เมื่อเก็บอาหารแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามวัน อาหารที่เคยอร่อย ก็กลายเป็นจืดชืดหมดรสชาติ
ถึงแม้จะอุ่นร้อนกลับมาก็ไม่อร่อยดังเดิม แถมบางครั้งยังเสี่ยงต่อการป่วย ท้องเสีย หรือท้องร่วง เนื่องจากการเก็บและอุ่นอาหารไม่ถูกวิธีด้วย
หากคุณเองกำลังมีปัญหาเหล่านี้ และแก้ไขไม่ได้เสียที ให้เรามาช่วยแนะนำวิธีการแก้ไขง่ายๆดังต่อไปนี้เถอะค่ะ ใครๆก็ทำได้ และช่วยให้คุณเจริญอาหารมากขึ้นแต่ร่างกายปลอดภัยแน่ๆ

เมื่อแน่นอนว่าอาหารที่ค้างคืน แช่ตู้เย็นมาแล้วหลายวันย่อมมีความอร่อยที่ลดน้อยลงกว่าอาหารวันแรก เราก็ต้องมีวิธีการที่จะทำให้อาหารกลับมามีหน้าตาที่ดูน่ารับประทานอีกครั้ง ด้วยเคล็ดลับดีๆจาก แอลตัน บราวน์ พิธีกรและเชฟชื่อดังจากสถานีโทรทัศน์ Food Network ของสหรัฐฯ
ดังวิธีต่อไปนี้ค่ะ
1. เติมรสชาติที่ขาดหายไป
อาหารปรุงสุกใหม่กับอาหารแช่เย็นที่ประกอบขึ้นมาด้วยเชฟคนเดียวกัน ส่วนผสมเหมือนกันทุกประการ จะไม่มีทางที่จะมีรสชาติจะเหมือนกัน เนื่องจากความเย็นจัดของตู้เย็นจะดูดรสชาติต่างๆ ของเครื่องปรุงในอาหารให้จืดชืดหรือจืดจางลงไป
และแม้ว่าคุณจะเก็บอาหารในภาชนะที่ปิดสนิทมากแค่ไหน ความเย็นก็จะดึงรสชาติให้หายได้ได้อยู่ดี ดังนั้นวิธีการแก้ไข คือ หลังจากที่เอาอาหารออกมาจากตู้เย็นแล้ว จะต้องปรุงรสอาหารเพิ่มเติมเล็กน้อยก่อนจะนำไปอุ่น
หรือเติมส่วนผสมอื่นๆลงไป เพื่อปรับเนื้อสัมผัสให้อาหารให้กลับมาดูดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น
1. บีบมะนาวลงในอาหารประเภทยำหรือต้มยำ
2. เติมบัตเตอร์มิลค์ลงในมันบดแห้ง
3. เติมน้ำซุปลงในแกงข้น
2. ปรุงเป็นเมนูใหม่
บางครั้งการปรุงรสชาติลงไปในอาหารจานเดิมอาจช่วยอะไรได้ไม่มาก ดังนั้น แทนที่จะปรุงรสเพิ่มและอุ่นอาหารเก่าเพื่อนำมาทานซ้ำอีกมื้อ ให้เปลี่ยนอาหารจานดังกล่าวไปเป็นอาหารจานใหม่เลยดีกว่า โดยให้คิดว่าอาหารเหลือๆจานนั้น จะใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อปรุงอาหารเมนูใหม่ ยกตัวอย่างเช่น
1. นำสเต็กหรือเนื้อสัตว์ที่ปรุงแล้วมาเปลี่ยนเป็นเมนูผัดแทน โดยอาจจะผัดผัก ผัดกับข้าว หรือทำน้ำซอสใหม่มาราดให้น่ากินมากขึ้นก็ได้
3. เคล็ดลับเด็ด คือ “การอย่าใช้ไมโครเวฟ!”
อย่าคิดว่าไมโครเวฟจะเป็นอุปกรณ์การอุ่นอาหารที่ดี เพราะถ้าต้องการอาหารที่มีรสชาติอร่อย หน้าตาน่าทาน และมีเวลามากพอ ก็ไม่ควรใช้ไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์หลัก โดยเฉพาะอาหารประเภททอดกรอบ หรือเมนูปิ้งย่าง อาหารจำพวกนี้ไม่ควรนำไปอุ่นซ้ำในไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้เสียรสชาติเปลี่ยนไปแล้ว เนื้อสัมผัสที่เคยดีจะแย่ลงได้ด้วย
วิธีที่ดีที่เราแนะนำ คือ การนำไปอุ่นร้อนในกระทะที่มีน้ำมันเล็กน้อย
และใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารนั้นไหม้เกรียม หรือสุกจนแข็งกระด้าง
ทั้สำคัญ การอุ่นในกระทะจะทำให้อาหารมีรสชาติที่ดีมากขึ้น และมีสีที่สวยน่ารับประทานมากกว่าเดิมด้วย

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000093525
4. แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ไมโครเวฟ อย่าอุ่นอาหารในกล่องพลาสติก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสะดวกใช้กระทะในการอุ่นอาหาร หากเราจำเป็นต้องใช้ไม่โครเวฟก็ต้องมีวิธีการในการเลือกภาชนะที่นำไปใส่อาหารเพื่ออุ่น ดังนี้
1. ไม่ควรใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก เพราะบรรจุภัณฑ์นี้จะมีพื้นผิวแคบและเล็ก ไม่เหมาะสำหรับการอุ่นในเตาไมโครเวฟ
2. ให้ใช้จานขนาดใหญ่ ถือเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพราะการนำอาหารใส่ลงไปในจานใหญ่ จะทำให้การกระจายความร้อนทั่วถึงมากกว่า
นอกจากนี้ ก็ต้องใช้วิธีการอุ่นและเวลาอุ่นให้เหมาะสมกับปริมาณอาหารในแต่ละครั้งด้วย โดยถ้าอาหารมีปริมาณมากก็ควรจะอุ่นด้วยความร้อนสูงประมาณ 60 วินาที จากนั้น จึงคลุกเคล้าให้ทั่วก่อนทาน หรือถ้าอาหารมีปริมาณน้อยก็ใช้เวลาน้อยลงแค่ประมาณ 30 วินาทีก็พอ
อีกประการหนึ่ง ก็คือ ควรหุ้มภาชนะด้วยฟิล์มถนอมอาหารก่อนเข้าไมโครเวฟ โดยควรเลือกใช้ฟิล์มถนอมอาหารที่ผลิตจากพลาสติกซึ่งไม่มีสาร BPA เพื่อความปลอดภัย แล้วนำไปปิดปากชามไว้ก่อนที่จะนำเข้าไมโครเวฟ ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าอาหารแห้งมากเกินไปได้
เทคนิคอุ่นร้อนในไมโครเวฟ
เพิ่มเติมความรู้เรื่องเทคนิคการอุ่นร้อนในไมโครเวฟให้อีกสักหน่อย สิ่งที่คุณควรรู้ก็คือ ไมโครเวฟมักจะมีจุดบอดตรงกลาง ดังนั้น อาหารที่วางอยู่ตรงกลางอาจได้รับความร้อนไม่เพียงพอ
วิธีแก้ไขคือ ควรวางชามให้ห่างออกมาจากจุดศูนย์กลางเล็กน้อย จะช่วยให้การเกิดความร้อนในอาหารเป็นไปได้อย่างทั่วถึง และสามารถใช้ได้ทั้งกับไมโครเวฟที่มีจานหมุนและไม่มีจานหมุน
สำหรับใครที่มักจะใช้ชีวิตเช่นนี้ อุ่นอาหารกินซ้ำๆเป็นประจำ แต่ไม่อยากต้องกินอาหารรสชาติจืดชืด ก็ลองเอาวิธีทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไปลองใช้กันดู น่าจะช่วยให้คุณเอร็ดอร่อยกับอาหารจานโปรดของคุณได้ แถมบริโภคได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย