ก่อนที่จะป่วย ร่างกายจะมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกก่อนว่าโรคภัยกำลังจะมาหาคุณแล้ว เมื่อสัญญาณเตือนมาถึง เราไม่ควรจะปล่อยผ่าน แต่ควรจับสัญญาณ แล้วนำมาเป็นข้อเตือนตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองป่วย เพราะโรคภัยไข้เจ็บทุกวันนี้น่ากลัวมากเหลือเกิน
โรคร้ายอาจไม่ได้แค่ทำให้คุณเสียเวลา เสียเงินทอง แต่อาจทำให้คุณต้องจากโลกใบนี้ไปเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้จักสังเกตตัวเองเบื้องต้น รู้ตัวเองก่อนที่จะป่วย และเริ่มรักษาความเจ็บปวดได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการ โอกาสที่จะหายขาดก็จะเกิดขึ้นได้มากกว่า
ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นจึงเป็นการรับรู้ถึงสัญญาณอันตรายต่างๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการสังเกต “ความผิดปกติของผิวหนัง“ ซึ่งสิ่งนี้สามารถบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงบางโรคได้

ภาพจาก : http://www.amadothailand.com/2016/article.php?id=246
ทั้งนี้ ก็เพราะปัญหาสุขภาพมักแสดงออกเบื้องต้นจากการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่มีความสัมพันธ์กับผิว ดังนั้น หากคุณรับรู้และคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่เริ่มแรก ก็ย่อมจะเป็นผลดีกว่าแน่นอน
แต่ความผิดปกติของผิว สามารถบอกอะไรเราได้บ้าง ตามมาดูกันเลย
1. สัญญาณรังแคบนหนังศีรษะ รังแคที่เกิดขึ้นบนหนังศีรษะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งถ้าสาเหตุจากผิวแห้งเพราะอากาศ การแพ้ยาสระผม การขาดสารอาหารโดยเฉพาะ ‘ธาตุสังกะสี‘
โดยสัญญาณที่มักเกิดขึ้นบ่อยก็คือ สาเหตุจากผิวแห้ง หากเริ่มเป็นแล้วก็จะรู้อาการที่จะเกิดตามมาได้เลย อย่างไรก็ตาม สัญญาณอื่นก็อาจเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น ต้องสำรวจตัวเองให้รอบด้าน
2. สัญญาณผิวลอกเป็นขุย เช่นเดียวกับปัญหารังแค สำหรับปัญหาผิวลอกเป็นขุยแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นเพราะอากาศที่แห้ง ก็อาจเป็นเพราะร่างกายขาดวิตามินดีก็เป็นได้
ลองเพิ่มวิตามินดีในมื้ออาหาร หรือออกไปตากแดดยามเช้าเสียบ้าง ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ ที่สำคัญยังช่วยให้กระดูกแข็งแรงไปพร้อมๆกันด้วย
3. สัญญาณสิว ปัญหาสิวก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมน ผิวมัน หรือล้างหน้าไม่สะอาด ซึ่งสิวที่ขึ้นตามตำแหน่งต่างๆในร่างกายหรือใบหน้าก็มีความสัมพันธ์กับโรคร้ายต่างๆด้วย ยกตัวอย่างเช่น
สิวขึ้นที่บริเวณจมูก คุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง
สิวขึ้นที่คาง คุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับความเครียด หรือในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือกำลังจะมีประจำเดือน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีสิวต้องอย่าบีบสิวเด็ดขาด! แต่ควรไปหาหมอ หรือหายามาทา มาทาน เพื่อแก้ไขให้หายตามเวลาที่ควรจะเป็น การเร่งการหายโดยการบีบสิว จะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายและอาจทำให้สิวหายยากมากขึ้น
4. สัญญาณผิวอักเสบเป็นผื่น หากเกิดสิวเป็นผื่น แสดงว่าร่างกายขาดโปรไบโอติกส์ ให้ลองเน้นการรับประทานอาหารประเภทโปรไบโอติกให้มากขึ้น เช่น การทานโยเกิร์ต เป็นต้น เพราะสิ่งนี้จะเข้าไปเพิ่มจุลินทรีย์ในลำไส้ได้
หรือไม่เช่นนั้น ก็รับประทานไขมันดีโดยเลือกใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันรำข้าว เพื่อใช้สำหรับประกอบอาหาร
5. สัญญาณการเกิดริ้วรอยตามวัย เป็นธรรมดาที่คนเราจะมีริ้วรอยมากขึ้นเมื่อแก่ตัวลง และสัญญาณนี้บ่งบอกชัดเจนว่าร่างกายเสื่อมลงแล้ว ใครที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเนื่องจากริ้วรอยแห่งวัย ให้หา ‘โคเอ็นไซม์คิวเทน‘ มาเป็นตัวช่วยในการบำรุงผิว สารสำคัญตัวนี้จะช่วยป้องกันการเกิดอ๊อกซิเดชั่นและป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระได้ดี
6. สัญญาณผิวหนังอักเสบ เมื่อเป็นเช่นนี้แสดงว่าร่างกายกำลังต้องการวิตามินบี 6 และวิตามินบี 3 มากกว่าเดิม วิธีการเพิ่มวิตามินให้ตัวเอง ก็คือ การรับประทานกล้วย มันฝรั่ง เนื้ออกไก่ ผักขม อาโวคาโด แซลมอน ทูน่า จมูกข้าว ถั่ว ชะอม ไข่ และขนมปังโฮลวีต ให้มากขึ้น
เพราะอาหารเหล่านี้จะทุเลาอาการที่คุณเป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้ แถมยังได้รับสารอาหารหรือวิตามินตัวอื่นๆเพิ่มขึ้นได้ด้วย
7. สัญญาณมือเหี่ยว ทั้งที่ไม่ได้ทำงานหนัก แต่ทำไมมือของเราถึงเหี่ยวลง สัญญาณนี้บ่งบอกชัดว่าคุณกำลังขาดธาตุเหล็ก ต้องรีบรับประทานอาหารประเภทนี้เข้าไปให้มาก ๆ
อาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ได้แก่ ตับ เนื้อ ไก่ อาหารทะเล พริกหวาน กระถิน มะเขือเทศ ฟักทอง เผือก ลูกพรุน ฯลฯ
8. สัญญาณผิวแห้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ให้ตั้งข้อสังเกตก่อนว่าตัวเองดื่มน้ำไม่เพียงพด ดังนั้น ต้องแก้ไขง่ายๆด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอในลำดับแรก
แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นอีก ให้เพิ่มการรับประทานเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น ทั้งวิตามินเอ และวิตามินซีซึ่งสามารถหาได้ในผักหลายชนิด เช่น ตำลึง คะน้า แครอท บร็อคโคลี่ มะม่วงสุก มะละกอสุก ผักกาดขาว แตงโม ฯลฯ เมื่อรับประทานอาหารเหล่านี้เข้าไปจะช่วยให้คุณมีอาการที่ดีขึ้นได้

9. สัญญาณริมฝีปากแห้งแตก
บ่งบอกว่าคุณอาจจะขาดวิตามินบี 2 ซึ่งวิตามินตัวนี้สามารถหาเจอได้จากอาหารประเภทธัญพืช ถั่ว เนย ไข่ และผักใบเขียว
ทั้งนี้ คุณสามารถใช้ลิปมันหรือวาสลีน เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งสามารถป้องกันความเจ็บปวดจากการเลือดออกที่ริมฝีปากได้
สัญญาณที่เรากล่าวไปทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งแรกๆที่คุณจำเป็นต้องทราบและดูให้ออก ดังนั้น ต้องหมั่นสังเกตตัวเอง และลองตรวจเช็คความผิดปกติของตัวเองให้ทั่วทั้งร่างกาย ว่าตอนนี้มีส่วนไหนที่ไม่ปกติ แค่นี้ก็ช่วยให้ปลอดภัยได้แล้ว