เคยเป็นมั๊ยค่ะ? เวลาที่ไม่รู้อะไรทำหรือรู้สึกคิดไม่ออก คุณมักจะหักนิ้วเล่น แค่ได้ยินเสียงดังเป๊าะๆ ก็รู้สึกสนุกดี และก็ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นอันตรายกับตัว
การหักนิ้ว
ดัดนิ้ว หรือดึงนิ้ว เพื่อทำให้เกิดเสียงดัง จึงถือเป็นการผ่อนคลายนิ้วในเวลาที่เรารู้สึกมีความตึงเครียดในนิ้วได้ดีมากๆวิธีหนึ่ง ซึ่งการที่เราผ่อนคลายกล้ามเนื้อนิ้วด้วยวิธีนี้ ก็เปรียบเทียบได้กับการยืดเส้นยืดสายหรือบิดขี้เกียจ เพียงแต่ว่าเปลี่ยนไปทำที่นิ้วเท่านั้นเอง
เคยมีใครสงสัยหรือเปล่าค่ะว่า “ทำไมหักนิ้วแล้วจึงมีเสียง” ?
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะตรงบริเวณข้อต่อของนิ้วมีของเหลวที่ชื่อว่า Synovial ของเหลวตัวนี้จะมีสารเคมีเป็นตัวที่หล่อลื่นระหว่างกระดูก เมื่อใดก็ตามที่นิ้วหรือข้อต่อถูกใช้งาน สารตัวนี้ก็จะทำหน้าที่ช่วยลดการเสียดสีระหว่างกระดูกและกระดูกอ่อนนั่นเอง
ของเหลวที่ชื่อว่า Synovial ประกอบไปด้วยก๊าซออกซิเจน ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และแรงดันที่เปลี่ยนก๊าซเหล่านี้ให้เป็นฟองอากาศ ดังนั้น เมื่อเราหักนิ้ว ก็จะมีเสียงเกิดขึ้นซึ่งเป็นเพราะฟองอากาศแตกนั่นเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่เราสังเกตได้ ก็คือ
เมื่อเราหักนิ้วนั้นๆไปแล้ว จะไม่สามารถหักนิ้วเดิมซ้ำได้อีกในเวลาที่ติดกัน และต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึงจะสามารถหักนิ้วได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ก็เพราะ ของเหลวภายในจำเป็นต้องถูกเติมเต็มด้วยก๊าซเหล่านั้นอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อครบเวลาแล้ว…คุณจึงจะสามารถหักนิ้วและทำให้เกิดเสียงได้อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

นอกเหนือจากความสนุก แก้เบื่อ หรือเครียดแล้ว การหักนิ้วยังมีประโยชน์อย่างอื่นต่อร่างกายอีกด้วย ทั้งนี้ มีงานวิจัยที่เปิดเผยว่า “การหักนิ้วช่วยป้องกันโรค” ได้ ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวสำรวจมาว่า จำนวนผู้คนราว 25 – 54% ที่มีนิสัยชอบหักนิ้ว โดยส่วนใหญ่จะพบในเพศชายเสียมากกว่า ซึ่งการหักนิ้วจะมีข้อดีข้อเสีย ดังนี้
ข้อดีของการหักนิ้ว
1. ลดโอกาสป่วยโรคข้อต่ออักเสบได้
เนื่องจากการหักนิ้ว จะทำให้ฟองอากาศภายในข้อนิ้วแตก ซึ่งมีผลต่อการลดโอกาสป่วยโรคข้อต่ออักเสบได้
ทั้งนี้ Dr. Unger Unger ได้ทดลองสิ่งนี้กับตัวเอง โดยเขาได้ทำการหักนิ้วตัวเองอย่างต่อเนื่องมากว่า 60 ปี ทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ผลที่เขาพบก็คือ “ไม่มีอาการของโรคข้อต่ออักเสบเลยแม้แต่น้อย“
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในปี 2010 ซึ่งทดลองกับคน 215 คน พบว่า คนที่ไม่หักนิ้วมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคข้อต่ออักเสบมากกว่า ซึ่งภายหลังงานวิจัยชิ้นนี้ก็ทำให้เขาได้รับรางวัล Ig Nobel Prize หรือรางวัลล้อเลียน Nobel Prize ในปี 2009 ด้วย
ข้อเสียของการหักนิ้ว
1. หักนิ้วง่ายมากขึ้นและมีนิ้วโปนโต
เมื่อมีข้อดีก็มักจะมีข้อเสียควบคู่ไปด้วยเสมอ จากข้อมูลพบว่า…คนที่หักนิ้วบ่อยๆ จะหักนิ้วง่ายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะบริเวณข้อของคุณก็จะหลวมมากขึ้นๆนั่นเอง
นอกจากนี้ การที่หักนิ้วบ่อยๆจะทำให้คุณมีข้อนิ้วมือที่โปนโตหรือบวมมากกว่าคนปกติ อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องความสวยงามหรือปัญหาในการสวมแหวน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บแต่อย่างใด
มากไปกว่านั้น คนที่มีนิสัยชอบหักนิ้วตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ โอกาสที่ข้อกระดูกของคุณจะโปนโตมากกว่าผู้ที่เริ่มหักนิ้วเมื่ออายุมากก็เป็นไปได้สูง
เนื่องจากกระดูกและข้อในวัยเด็กจะมีการเจริญเติบโตอยู่เรื่อยๆ เมื่อได้รับแรงกระทำบ่อยๆจากการหักนิ้ว ก็จะเป็นการกระตุ้นให้มีการเจริญของกระดูกในทิศทางที่ผิดปกติไปจากเดิม ยิ่งหักนิ้วเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่นิ้วจะโปนโตออกรอบๆ ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
2. เสียงหักนิ้วอาจสร้างความรำคาญได้
อีกเรื่องที่คุณอาจจะลืมไป หรือไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ก็คือ “เสียง” ที่เกิดขึ้นในขณะที่หักนิ้ว ตัวคุณเองคุณอาจจะยังไม่ทันฟัง คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คนรอบข้างอาจจะรู้สึกรำคาญหรือหวาดกลัวคุณได้ ยิ่งถ้าคุณหักนิ้วจนครบทุกนิ้วแล้วด้วย เสียงดังที่เกิดขึ้นอาจจะสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นๆรอบข้างได้ เพราะฉะนั้น คุณควรใส่ใจในสิ่งนี้ด้วย

เมื่อเปรียบเทียบระหว่าข้อดีข้อเสียแล้ว คุณก็จะเห็นว่า การหักนิ้วไม่ใช่เรื่องร้าแรงอะไร เสียงที่ดังขึ้นมาไม่ได้มีผลให้กระดูกข้อนิ้วของคุณหลวมจนหักง่าย ในทางตรงข้ามมันกับช่วยลดโอกาสป่วยโรคข้อต่ออักเสบลงได้ด้วยดังนั้น หากคุณต้องการจะผ่อนคลายข้อนิ้วด้วยการหักนิ้วหรือดัดนิ้ว ก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องข้อนิ้วอักเสบแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การหักนิ้วมือควรทำในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่ควรทำจนติดเป็นนิสัยตั้งแต่วัยเด็ก เพราะจะส่งผลต่อลักษณะนิ้วในตอนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โดยเฉพาะคุณสาวๆ ถ้าหักนิ้วบ่อยๆมากเกินไป คุณก็จะมีนิ้วที่ปูดโปนหรือบวมจนดูไม่ค่อยดีได้ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็อย่าหักนิ้วเล่นเลยค่ะ
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว คิดจะหักนิ้วครั้งต่อไปก็ต้องคิดดูให้ดี ทำได้ แต่อย่าทำทุกครั้งที่เครียด หรือทำเล่นๆเพราะไม่มีอะไรทำ เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้