“แกว่งแขน” ประโยชน์มากกว่าที่คิด
หากการออกกำลังกายมันยากมากนัก แค่ขยับร่างกายให้บ่อยๆก็คงจะดีขึ้น แต่การขยับร่างกายที่ส่งผลให้ร่างกายผอมลงได้แบบไม่เหนื่อยจนเกินไป และได้ประโยชน์หลายต่อควรทำอย่างไร นี่คงเป็นคำถามที่คนขี้เกียจออกกำลังกายอยากทราบคำตอบ อย่ารอให้เสียเวลาเลยค่ะ เพราะคำตอบอยู่ที่นี่แล้ว และเคล็ดลับที่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องยาก…แค่แกว่งแขนเท่านั้นเอง
หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า “แค่ยืนแกว่งแขนเฉยๆ จะช่วยลดน้ำหนักได้เท่าไหร่กันเชียว และสิ่งนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีเลิศแก่ร่างกายได้จริงหรือ? ซึ่งหากคุณได้ทดลองทำดูแล้ว จะสังเกตได้ว่าไม่ใช่แค่พุงที่ยุบลงไปเท่านั้น แต่การแกว่งแขนยังมีประโยชน์อีกมากมายเลย ดังต่อไปนี้
สำหรับการแกว่งแขนมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ดังต่อไปนี้
1. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวกทั่วทั้งร่างกาย
การออกกำลังกายที่เรียกว่าแอโรบิกเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้ร่างกายมีเลือดลมไหลเวียนได้ดี แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ แค่แกว่งแขนอยู่ที่บ้านก็สามารถกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมได้แล้ว
ทำไมต้องสนใจการไหลเวียนของเลือดลมด้วย ก็เพราะ “เลือดลม” เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา หากเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก ภายในร่างกายของเราก็จะเกิดความผิดปกติ และส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ มากมายตามมาได้
“การแกว่งแขน” เป็นทางแก้ที่ง่ายดายที่จะช่วยให้เลือดลมภายในไหลเวียนได้สะดวกมากขึ้น ทำให้อวัยวะคล่องตัวและสร้างความแข็งแรงให้กับคุณได้ตลอดไป
2. ระบบน้ำเหลืองเป็นปกติ
บริเวณรักแร้ เป็นบริเวณสำคัญของต่อมน้ำเหลือง หากมีการกระตุ้นบริเวณนี้ด้วยการแกว่งแขน ก็จะช่วยให้น้ำเหลืองไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ดีขึ้น การแกว่งแขนที่ถูกต้องต้องไม่ลืมที่จะหายใจลึกๆไปด้วยพร้อมๆกัน และเมื่อระบบน้ำเหลืองทำงานได้ดี ก็จะส่งผลต่อม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไธมัส ท่อน้ำเหลือง ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นระบบที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อขับถ่ายของเสียและสารพิษที่สะสมค้างอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายปราศจากของเสียที่คั่งค้าง สุขภาพก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

3. เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย
ต่อเนื่องจากข้อ 2 เพราะเมื่อระบบน้ำเหลืองเป็นปกติ การสร้างเม็ดเลือดขาว หรือแอนตี้บอดี้ของระบบภูมิคุ้มกันก็จะทำงานได้ดีขึ้น เมื่อใดที่มีเชื้อโรคเข้ามาหาคุณ ร่างกายก็จะมีเกราะป้องกันที่ดี ทำให้อาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้ยากหรือหายได้เร็ว สุขภาพจึงแข็งแรงมากขึ้นได้นั่นเอง
4. ช่วยลดน้ำหนัก
วัตถุประสงค์สำคัญของการแกว่งแขนที่ทุกคนเรียกร้อง ก็คงจะเป็นการลดน้ำหนัก เพราะการขยับร่างกายไปมาด้วยการแกว่งแขนทำให้คุณได้ใช้พลังงานมากยิ่งขึ้น เผาผลาญพลังงานได้ดี และช่วยลดความอ้วนได้ด้วย หากสามารถแกว่งแขนต่อเนื่องกันได้ 10 นาทีต่อวัน ก็ช่วยลดพุงได้แล้วนะ
5. หุ่นดี ไม่มีไขมันท้องแขน
ต่อเนื่องจากข้อ 4 เมื่อแขนถูกแกว่งอย่างต่อเนื่อง ไขมันบริเวณท้องแขนที่เคยห้อยย้อยก็จะลดน้อยลง ทำให้หุ่นดูดีและแต่งตัวได้สวยมากขึ้น
6. ลดความดัน รักษาน้ำตาลในกระแสเลือด ชะลอการเสื่อมของเข่า และลดอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรม
ไม่เพียงแค่ความผอมที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่การแกว่งแขนติดต่อกันแค่ 10 นาที ยังให้ประโยชน์ต่อคุณอีกหลายด้าน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากความไม่อ้วนและการขยับร่างกายที่บ่อยมากขึ้น การออกกำลังกายที่ต่อเนื่องช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ ลดความดันโลหิตสูง ลดไขมัน และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้ นอกจากนี้ การขยับร่างกายบ่อยๆยังช่วยชะลอการเสื่อมของเข่า และลดอาการปวดคอ บ่า ไหล จากออฟฟิศซินโดรมได้ด้วย

หลังจากที่ทราบไปแล้วว่าประโยชน์ของการแกว่งแขนมีมากมายเพียงใด เชื่อว่าหลายคนก็คงพร้อมที่จะเริ่มต้นแกว่งแขนแล้ว แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ เพราะการแกว่งแขนแบบธรรมดาที่คุณเคยทำยังไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง การแกว่งแขนที่ดีมีประสิทธิภาพจะต้องทำให้ถูกขั้นตอน ซึ่งวิธีก็ไม่ได้ยากอะไร เราจะสอนคุณเดี๋ยวนี้ละ
การเตรียมตัวก่อนแกว่งแขน ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่คับหรือรัดแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้คุณอึดอัด และเคลื่อนร่างกายไม่สะดวกได้ นอกจากนี้ ก่อนการออกกำลังกายก็ควรอบอุ่นร่างกายด้วยการสะบัดแขน มือ และเท้าสักครู่ รวมถึงการหมุนศีรษะเบาๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับกล้ามเนื้อที่จะมีการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง
วิธีการแกว่งแขน
เมื่อพร้อมแล้วมาเริ่มแกว่งแขนกันเลย การแกว่งแขนให้ได้ประโยชน์ทำดังต่อไปนี้
1. ยืนตรง ฝ่าเท้าแยกออกจากกันประมาณช่วงไหล่ มือทั้ง 2 ข้างปล่อยลงข้างลำตัว เรียงนิ้วมือให้ชิดกันโดยหันอุ้งมือไปข้างหลัง
2. เอวตั้งตรง เหยียดหลัง หดท้องน้อยเข้า แต่ให้ผ่อนคลายลำคอ ศีรษะ และปาก
3. จิกปลายนิ้วเท้า และออกแรงเหยียบส่วนส้นเท้าลงบนพื้นให้แน่น
4. ตั้งสมาธิและรวมจุดสนใจไว้ที่เท้าเท่านั้น
5. ยกมือแกว่งแขนไปข้างหน้าเบาๆ แกว่งแขนให้ทำมุมกับลำตัวประมาณ 30 องศา อย่าลืมนับจำนวนครั้งด้วย
6. ช่วงแกว่งแขนกลับไปด้านหลังให้ออกแรงมากหน่อย โดยให้แขนทำมุมกับลำตัวประมาณ 60 องศา
มาออกกำลังกายง่ายๆด้วยการแกว่งแขนกันเถอะค่ะ เพราะมันช่วยป้องกันโรคได้จริงและช่วยให้มีสุขภาพดีมากขึ้นด้วย