ไม่ต้องแปลกใจทำไมท้องอืดบ่อย
เคยสงสัยหรือไม่ค่ะว่า … เหตุใดคนเรามักจะมีอาการท้องอืดเกิดขึ้นอยู่เสมอ ทั้งที่อาหารที่กินก็ดูไม่น่าจะมีทำให้เกิดลมในกะเพาะอาหารได้เลย ดูเหมือนเป็นอาหารปกติทั่วไป รับประทานแต่พอดี แต่กลับทำให้เกิดอาการท้องอืดเสียทุกทีที่รับประทานมันเข้าไป
ต้นเหตุของอาการท้องอืดและมีลมในช่องท้อง เกิดขึ้นมาจากการรับประทานอาหารบางอย่างที่ไม่ถูกกับท้องของเรา โดยกลุ่มอาหารอะไรบ้างที่มักจะทำให้คนเกิดอาการท้องอืดบ่อยๆ ตามมาดูกันเถอะค่ะ
งานวิจัยจาก International Journal of Clinical Practice เปิดเผยว่า การกินอาหารในกลุ่มที่มีคาร์โบไฮเดรตที่มีการดูดซึมในลำไส้น้อย และอุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติสูง จะส่งผลให้เกิดอาหารท้องอืดได้
เหตุผลเนื่องจากอาหารในกลุ่มคาร์โบไอเดรตที่ว่านี้จะถูกดูดซึมในลำไส้เล็กได้น้อย ในบางครั้งร่างกายอาจจะย่อยไม่หมด เมื่อเกิดการตกค้างในร่างกายก็จะเกิดการหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นผลให้เกิดแก๊สในลำไส้ใหญ่ และแก๊สที่เกิดขึ้นนี้ก็ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืดได้นั่นเอง
แล้วอาหารอะไรบ้างที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด เนื่องจากเป็นกลุ่มคาร์โบไอเดรตถูกดูดซึมในลำไส้เล็กได้น้อย อาหารที่ต้องห้ามมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ผักตระกูลกะหล่ำ
ผักตระกูลกะหล่ำมีอยู่หลายกลุ่ม เช่น กระหล่ำปลี บร็อกโคลี่ และกะหล่ำดอก ผักเหล่านี้มีคาร์โบไฮเดรตประเภทพิเศษที่เรียกว่า “แรฟฟิโนส” ซึ่งร่างกายจะไม่สามารถย่อยน้ำตาลชนิดนี้ได้ในระบบทางเดินได้ตามปกติ แต่เมื่อใดที่อาหารเหล่านี้ถูกลำเลียงไปยังลำไส้ใหญ่จึงจะสามารถย่อยได้ การที่ต้องใช้เวลาในการย่อยเช่นนี้ ทำให้กว่าที่ผักจะย่อยได้หมด กากอาหารที่เกิดขึ้นระหว่างการย่อยก็จะเกิดการหมักหมมจนกลายเป็นแก๊สเกิดขึ้นในช่องท้องและทำให้เกิดอาการท้องอืดได้แล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถรับประทานผักตระกูลกะหล่ำได้เลย เพราะวิธีแก้อาการท้องอืดจากผักกลุ่มนี้สามารถทำได้อย่างแสนง่ายดาย เพียงแค่นำผักไปทำให้สุกก่อนรับประทาน ก็จะช่วยให้ร่างกายย่อยผักตระกูลนี้ได้ง่ายขึ้นแล้ว

2. ถั่วเปลือกแข็ง
หากพูดถึงอาหารที่มีโปรตีนสูง แต่ทานแล้วไม่อ้วน คนก็มักจะเลือกรับประทานถั่วกันเป็นส่วนใหญ่เพื่อช่วยแก้หิว หรือบ้างก็เอาถั่วมาเป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อเพิ่มความหลากหายและคุณค่าทางอาหาร
แต่อย่างไรก็ตาม ถั่วเปลือกแข็งมักจะทำให้เกิดปัญหาในร่างกาย เนื่องจากเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยให้เป็นน้ำตาลได้ยาก จึงส่งผลให้เกิดอาการท้องอืดได้ง่าย
หากคุณยังต้องการรับประทานถั่วประเภทนี้แล้วละก็ มีวิธีแก้ไม่ยาก เพียงแค่รับประทานถั่วที่แช่น้ำไว้ค้างคืน เพื่อให้น้ำแทรกซึมผ่านเข้าไปในเมล็ด ทำให้ถั่วอ่อนนิ่มและยับยั้งคาร์โบไฮเดรตได้บางส่วน เพียงเท่านี้ก็ทำให้อาการท้องอืดลดลงได้แล้ว
3. แตงโม
ใครจะคิดว่าผลไม้หวานฉ่ำอย่างแต่งโมจะกลายเป็นผู้ต้องหาสำคัญที่ทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ เหตุผลก็เพราะความหวานตามธรรมชาติในแตงโมเกิดจากน้ำตาลฟรักโทสซึ่งมีอยู่ในระดับที่สูงมาก จึงทำให้บางคนไม่สามารถดูดซึมฟรักโทสได้อย่างเต็มที่ และทำให้มีอาการท้องอืดตามมาได้ มากไปกว่านั้น บางคนอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
หากไม่อยากกินแตงโมจนท้องอืด ก็ต้องรับประทานแต่น้อย ให้ร่างกายค่อยๆปรับตัวก่อนจึงค่อยๆเพิ่มปริมาณ เมื่อร่างกายปรับตัวได้ คุณก็จะสามารถรับประทานแตงโมได้มากขึ้นโดยไม่มีอาการท้องอืดหรือท้องเสียอีก

4. หัวหอมใหญ่
หากใครที่ชอบรับประทานหัวหอมหรือผักตระกูลหอม ไม่ว่าจะเป็นต้นหอม หัวหอมแดง และหัวหอมใหญ่ แบบดิบๆ อาการท้องอืดก็สามารถเกิดขึ้นกับคุณได้ เนื่องจากในผักชนิดนี้มีฟรุกแทน (Fructan) ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ฟรุกแทนตัวนี้มักจะเป็นปัญหาต่อช่องท้องของเรา ดูดซึมในลำไส้ได้น้อยและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำในลำไส้ ส่งผลให้เกิดแก๊สและท้องอืดตามมา เนื่องจากพืชผัก
วิธีแก้ก็ไม่ยากอะไร เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการรับประทานจากการทานดิบมาเป็นการทานสุก เพราะความร้อนจะช่วยให้ผักประเภทนี้ย่อยในร่างกายได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
5. ธัญพืช
ธัญพืชในที่นี้หมายรวมถึง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และข้าวโพด ซึ่งต่างก็มีส่วนประกอบของฟรุกแทนทั้งนั้น และน้ำตาลตัวนี้ก็ไม่สามารถย่อยได้เองตามธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่แพ้กลูเตน อาการที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายย่อยไม่ได้ ก็คือ อาการคล้ายกับอาการแพ้นม นั่นเอง
นอกจากนี้ การกินธัญพืชเหล่านี้ยังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการทำลายเยื่อบุของลำไส้เล็กและเกิดแก๊สขึ้นในท้อง ทำให้บางคนอาจมีอาการท้องเสียหรือท้องผูกร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้บริโภคจะไม่มีอาการแพ้กลูเตนเลยก็ตาม แต่เส้นใยจากพืชที่ไม่ละลายน้ำชนิดนี้ก็จะเกิดหมักโดยเชื้อจุนลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ และทำให้เกิดแก๊สในช่องท้องอยู่ดี การแก้ไขที่ดีที่สุด คือ การรับประทานแต่น้อย เพื่อให้ร่างกายค่อยๆปรับตัวและกินได้มากขึ้นในที่สุด
อาหารมีทั้งประโยชน์และโทษ หากกินไม่ถูกวิธี หากใครเคยกินอาหารชนิดไหนแล้วเกิดอาการท้องอืด ก็ขอให้เรียนรู้และหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้เสีย หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องทราบวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง หรืออาจใช้วิธีดื่มน้ำเปล่าเพื่อช่วยขับแก๊สทุเลาอาการลงก็ได้