บทความน่ารู้, สุขภาพ, สุขภาพดี, สุขภาพน่ารู้

กลิ่นปาก

ไม่อยากมีกลิ่นปาก

หากจะหาสาเหตุของอาการปากเหม็นที่แท้จริง อาจเป็นสิ่งที่เราทำได้ยาก ประการแรกเลยคือ บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีอาการนี้ เพราะอาการปากเหม็นเป็นเรื่องใกล้ตัว และถ้าไม่สนิทกันจริง อาจจะทำให้ไม่กล้าบอกความจริงให้คนข้างๆรู้ ซึ่งกลิ่นปากเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ใช่แค่เพียงการทำความสะอาดไม่ดีเพียงพอเท่านั้น แม้ว่าจะแปรงฟัน อุดฟัน หรือขูดหินปูนทุกวันแล้วก็ตาม เพราะสำหรับบางราย แม้คุณจะรักษาความสะอาดมากเท่าไรแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่ากลิ่นปากที่มีจะไม่เคยจางหายหรือลดน้อยลงเลย

อย่างไรก็ตาม กลิ่นปากจะลดลงได้ก็ต่อเมื่อ กำจัดต้นตอได้อย่างถูกจุด หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นปากอยู่เป็นประจำหรือสงสัยว่าตัวเองจะมีกลิ่นปากที่รุนแรง ต้องลองสังเกตดูว่าในปากของเราว่าพบเจอสิ่งนี้อยู่หรือไม่ เพราะวันนี้เราจะมาเปิดโปงตัวการสร้างกลิ่นปากที่รุนแรงอีกหนึ่งตัว

ไม่อยากมีกลิ่นปาก
ไม่อยากมีกลิ่นปาก — ภาพจาก : https://www.inlifehealthcare.com/2017/02/23/beat-body-mouth-bad-odour/

ตัวการสร้างกลิ่นที่ว่านี้เป็นสิ่งผิดปกติที่เรียกว่า “ขี้ไคลทอนซิล” มันจะอาศัยแอบซ่อนตัวอยู่ในปากของเราบริเวณต่อมทอนซิล มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆ สีขาว สีเหลืองอ่อน หรือสีเทาคล้ำ และเป็นจุดเริ่มต้นของกลิ่นเหม็นที่รุนแรงมาก ในบางทีขี้ไคลทอนซิลอาจเปลี่ยนที่อยู่ไปตามซอกหลืบต่างๆ บริเวณคอหอยหรือโพรงหลังจมูกซ้ายหรือขวา ซึ่งขี้ไคลทอนซิลอาจจะเป็นก้อนเดียวหรือหลายก้อนรวมกันก็ได้

ต่อมทอนซิลเป็นกลุ่มของเนื้อเยื่อประเภทต่อมน้ำเหลือง ทอมซิลจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย คอบทำลายเชื้อโรคที่ปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายจากทางเดินอาหาร และสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วย ต่อมทอนซิลจะกระจายอยู่ทั่วร่างกาย เช่น ช่องปาก โคนลิ้น ช่องหลังโพรงจมูก เป็นต้น และโดยปกติ ต่อมทอนซิลแบบพาลาทีนทอนซิล มักจะไม่เรียบ มีร่องหรือซอกให้เศษอาหารเข้าไปติดได้ อีกทั้ง เซลล์ที่บุร่องจะมีการตายตามช่วงเวลาและหลุดลอกออกมาเป็น “ขี้ไคลทอนซิล

ขี้ไคลทอนซิลจะมีลักษณะคล้ายเนย มีสีเหลืองหรือขาว และอาจมีสารแคลเซียมมาเกาะด้วยในบางครั้ง เมื่อมีขี้ไคลทอนซิลอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา โดยสามารถเรียงลำดับความรุนแรงได้ดังต่อไปนี้

  1. รู้สึกรำคาญเหมือนมีอะไรมาติดลำคอ
  2. ต่อมทอนซิลอักเสบ และมีอาการเจ็บคอแบบเป็นๆ หายๆ
  3. มีกลิ่นปากที่รุนแรงมากขึ้น
  4. บางรายจะมีอาการปวดร้าวไปที่หู หรือไอเรื้อรัง

ก้อนขี้ไคลทอนซิลสามารถเกิดได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างบริเวณต่อมทอนซิลของแต่บุคคลด้วยว่ามีความเหมาะสมต่อการสะสมของเศษอาหารมากแค่ไหน หากบุคคลใดมีโพรงหรือซอกหลืบในช่องปากบริเวณนั้นมาก ร่วมกับการดูแลความสะอาดของช่องปากไม่ดีพอ ก็จะก่อให้เกิดอาการปากเหม็นได้

ไม่อยากมีกลิ่นปาก
ไม่อยากมีกลิ่นปาก — ภาพจาก : http://vkool.com/home-remedies-for-bad-breath/

จากอาการที่กล่าวถึงข้างต้น ก็จะพบว่าขี้ไคลทอนซิลไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายที่ร้ายแรงมากจนถึงขั้นเสียชีวิต แต่แค่จะทำให้การใช้ชีวิตของคุณไม่ราบเรียบเสียเท่าไหร่ อาจจะมีอาการเจ็บคอบ้าง มีกลิ่นปากบ้าง เสียบุคลิกภาพบ้าง แต่หากสามารถกำจัดมันออกไปได้อาการทั้งหมดก็จะหายไป

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำก่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองมีกลิ่นปาก และสงสัยว่าอาจจะเกิดขึ้นจากขี้ไคลทอนซิล ก็คือ การเริ่มสำรวจช่องปากเพื่อดูว่าเริ่มมีการสะสมของขี้ไคลทอนซิลมากน้อยแค่ไหนแล้ว วิธีการที่ทำเริ่มแรกที่สามารถทำได้ที่บ้าน ก็คือ เดินไปอ้าปากให้กระจก โดยอ้าปากกว้างและแลบลิ้นออกมาจากนั้นให้หายใจลึกๆ หากมีขี้ไคลทอนซิลอยู่ในปากคุณก็จะสามารถสังเกตเห็นสิ่งผิดปกตินี้ได้บริเวณข้างๆ ลิ้นไก่ หรือบริเวณโพรงเหนือคอหอย

ถ้าพบว่ามีสิ่งผิดปกติซ่อนอยู่คงถึงเวลาแห่งการกำจัดขี้ไคลทอนซิลก้อนนี้ให้ออกไปเสรยทีแล้วค่ะ โดยเราสามารถแบ่งวิธีการในการกำจัดได้ 2 แบบ ขึ้นอยู่กับความหนักหน่วงของขี้ไคลทอนซิล หากมีปริมาณไม่มากสามารถเอออกได้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการกลั้วคอแรงๆ โดยอาจจะใช้น้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากก็ได้ เมื่อกลั้วอย่างทั่วถึงแล้วให้ขากเสมหะแรงๆ จามแรงๆ หรือบ้วนปากแรงๆ เพื่อให้ของเหลวในปากดันเอาขี้ไคลทอนซิลหลุดออกมาให้ได้ ทำซ้ำหลายๆรอบจนกว่าขี้ไคลทอนซิลจะหลุดออกมา แต่ถ้าหากสำรวจช่องปากดูแล้ว รู้สึกว่าอาการรุนแรงจนรับมือไม่ไหว หรือลองวิธีแรกแล้วไม่ได้ผล ก็จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป โดยแพทย์พิจารณาความยากง่าย โดยถ้ารุนแรงมากที่สุดจะต้องผ่าตัดโดยเริ่มจากการจี้ให้ซอกต่อมทอนซิลกว้างขึ้น แล้วผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกมา

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ไม้จิ้มฟันหรือก้านแหลมๆ เขี่ยขี้ไคลทอนซิลออกมา เพราะอาจทำให้เป็น และเกิดการติดเชื้อได้ และจะยิ่งทำให้อาการที่เคยเป็นลุกลามใหญ่โตมากขึ้นไปอีก

สุดท้ายนี้ ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเพียงแค่ต้นเหตุหนึ่งของอาการมีกลิ่นปากเท่านั้น เพราะถึงแม้จะแก้ไขขี้ไคลทอนซิลได้แล้ว แต่ยังไม่แก้ไขสาเหตุส่วนอื่น ก็เป็นไปได้ว่าคุณจะยังคงมีกลิ่นปากอยู่ ทุกคนจึงควรเริ่มต้นดูแลและทำความสะอาดช่องปากของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หรือทำการปลูกจิตสำนึกตั้งแต่เด็ก เรื่องของกลิ่นปากจะได้ไม่กวนใจใครอีกต่อไป

Sending
User Review
0 (0 votes)