อย่า ลุก เร็ว
บ่อยครั้งที่ร่างกายของคนเรา จะแสดงท่าทางบางอย่างที่ฟ้องมาว่าเราเริ่มดูแลสุขภาพตัวเองแย่ลงทุกทีๆแล้ว อาการที่ร่างกายฟ้องออกมาสามารถแสดงออกมาได้ในหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามก็คือ หากอาการที่แสดงออกมาผิดแปลกไปจากชีวิตประจำวันที่เคยเป็น ต้องเริ่มต้นสังเกตตัวเองให้มากขึ้นได้แล้ว เพราะบางสิ่งบางอย่างในร่างกายอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปซึ่งเราจำเป็นจะต้องหันกลับมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น
คนเราแต่ละคนมีความแข็งแรงไม่เท่ากัน แม้ว่าจะออกกำลังกายหรือรับประทานอาหารคล้ายๆกัน แต่ก็ไม่ได้มีผลที่จะทำให้สุขภาพแข็งแรงหรืออ่อนแอเหมือนกันไปทั้งหมด เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆอีกหลายอย่างที่ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงหรือเจ็บป่วยได้ ทำให้บางคนป่วยบ่อย ในขณะที่อีกคนแทบไม่เคยเจ็บป่วยเลย ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะอาศัยอยู่ในสภาวะแวดล้อมเดียวกัน กินอาหารแบบเดียวกัน หรือแม้แต่เป็นฝาแฝดกันก็ตาม ดังนั้น การดูแลตัวเองตั้งแต่ตื่นจนถึงเข้านอนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องสังเกตความแตกต่างด้วยตัวของตัวเอง

เริ่มต้นง่ายๆจากการสังเกตการตื่นนอนก่อน เพราะการลุกจากที่นอนเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องทำในเวลาเช้า ซึ่งการลุกจากที่นอนมีผลต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก หลายคนอาจมองข้ามพฤติกรรมนี้ไปและมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องดูแล แต่รู้หรือไม่ว่าการลุกจากที่นอนเร็วเกินไป อาจมีผลทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงก็เป็นได้
เหตุผลที่กล่าวไปข้างต้นเนื่องมาจากมีผู้ป่วยบางคนที่ลุกจากที่นอนอย่างกะทันหัน ซึ่งส่งผลทำให้สมองขาดเลือดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เมื่อไม่มีเลือดไปเลี้ยงสมอง ความดันในร่างกายต่ำลง ก็จะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ บางรายอาจล้มลงไปนอนกับพื้นแบบไม่ทันตั้งตัว หรือบางรายอาจจะหมดสติทันที ล้มลงหัวฟาดพื้น กระดูกหัก กะโหลกแตก หรือจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็มี
ดังนั้น การลุกจากที่นอนจึงเป็นสิ่งที่สามารถที่จะฆ่าคนตายได้เลย ถ้าเกิดทำไม่ถูกต้องโดยเฉพาะบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือความดันโลหิตอาจจะเกิดอาการดังกล่าวได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงเวลากลางคืนกล้ามเนื้อหัวใจอาจจะขาดเลือดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ทำให้หัวใจหดตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อคนกลุ่มนี้ลุกจากที่นอนอย่างรวดเร็วในตอนเช้า ความดันเลือดก็จะลดต่ำลงเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้สมองขาดเลือด หัวใจหยุดเต้น จนเกิดการล้มลง ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตในที่สุด
สำหรับใครที่จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงของอาการดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นจะต้องดูแลตัวเองให้มากเป็นพิเศษตั้งแต่ช่วงเวลาการลุกจากที่นอน โดยเรามีหลักการง่ายๆเพื่อช่วยเตือนให้คุณปลอดภัยมากขึ้นดังต่อไปนี้ คือ “ครึ่งนาที 3 อย่างและครึ่งชั่วโมง 3 อย่าง” วลีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจ และนำไปปฏิบัติด้วย วลีที่ว่าหมายความว่าอย่างไรเราจะมาอธิบายให้ฟังค่ะ

“คำว่าครึ่งนาที 3 อย่าง” หมายถึง
เมื่อตื่นนอนแล้วห้ามลุกจากที่นอนในทันที ให้หลับตาต่อไปอีกประมาณครึ่งนาที หลังจากนั้นเมื่อลุกขึ้นมานั่งแล้ว อย่าเพิ่งรีบลุกออกจากเตียงทันที ให้นั่งในท่าเดิมต่ออีกครึ่งนาที สุดท้ายเมื่อกำลังจะลุกอย่างเพิ่งลุกในทันที ให้เอาขาเหยียบบนพื้นให้ค้างไว้ก่อนครึ่งนาทีจึงค่อยลุกออกจากเตียง
การไม่ทำอะไรแบบฉับไวเกินไป โดยทิ้งระยะห่างในแต่ละพฤติกรรมทีละครึ่งนาทีจะช่วยให้ร่างกายสามารถปรับตัวและเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของความดันหรือท่าทางต่างๆได้ดีมากขึ้น และส่งผลที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวได้
ส่วนวลีที่ว่า “ครึ่งชั่วโมง 3 อย่าง” หมายถึง การทำกิจกรรม 3 ช่วงเวลา คือ
– เมื่อตื่นนอนตอนเช้าแล้วควรออกกำลังกายอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะทำกิจกรรมอื่นๆต่อ
– เมื่อถึงตอนพักกลางวัน หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วควรพักสายตาด้วยการนอนกลางวันประมาณครึ่งชั่วโมง การพักในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้จะช่วยให้คุณมีกำลังทำงานในช่วงบ่ายได้เต็มที่ การพักผ่อนในช่วงกลางวันจำเป็นอย่างมากในผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มักตื่นนอนแต่เช้า การเติมพลังด้วยการงีบหลับในช่วงกลางวันจะทำให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปจนถึงหมดวันได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
– เมื่อถึงตอนเย็นควรออกกำลังกายเบาๆสักครึ่งชั่วโมง เพราะการได้ออกแรงจะช่วยให้นอนหลับสนิทมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญการออกกำลังกายยังสามารถลดอัตราการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตีบและโรคความดันโลหิตสูงได้ด้วย
จะเห็นได้ว่าแค่การลุกออกจากเตียง ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของทุกคน หากคุณต้องการที่จะมีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่ต้องเสี่ยงกับโรคร้ายแบบเฉียบพลันที่จะทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปบนโลกนี้ได้แล้วละก็ ต้องหัดทำให้เป็นนิสัย เพราะบางสิ่งบางอย่างที่เร็วเกินไปก็อาจจะไม่ดี ช้าบ้าง หยุดบ้างจะช่วยให้เกิดสิ่งดีๆแก่ร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่นการลุกจากที่นอน เป็นต้น
แม้ว่าคุณจะยังอายุไม่มากแต่เราก็แนะนำให้คุณลุกจากที่นอนตามสเต็ปที่กล่าวไว้ข้างต้น ลองทำให้ติดเป็นนิสัย เมื่อวันใดวันหนึ่งที่คุณอายุมากขึ้นจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับโรคความดันโลหิตหรือเส้นเลือดในสมองแตกได้นั่นเอง