หากจะเอ่ยถึง “ฟักข้าว” คงจะเคยมีคนได้ยินชื่อนี้กันมาบ้าง และก็อาจจะพอรู้กันมาเล็กน้อยว่าสมุนไพรชนิดนี้มีดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เมื่อถามต่อว่า แล้วประโยชน์มันคืออะไรละ อาจจะยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างเต็มปาก วันนี้เราจึงอยากจะขอนำเสนอสมุนไพรไทย ที่ขึ้นว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและสามารถป้องกันโรคได้สารพัด ถ้าพร้อมแล้ว…ไปทำความรู้จักกันได้เลยค่ะ

ฟักข้าว เป็นพืชไม้เลื้อยที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับแตงกวาและมะระ ดังนั้น จึงมักปลูกอยู่ตามรั้วบ้าน หรือตามต้นไม้ต่างๆในลักษณะเลื้อยพัน พืชชนิดนี้จัดเป็นผักพื้นบ้านที่คนไทยนำมารับประทานกันมาเป็นเวลานานแล้ว ส่วนใหญ่นิยมนำฟักข้าวมาต้มนึ่งจิ้มกินกับน้ำพริก หรือนำไปแกงก็อร่อยไม่เบา ซึ่งส่วนประกอบในฟักข้าวที่นำมาปรุงอาหารสามารถนำเอาตั้งแต่ยอดอ่อน ผลอ่อน หรือผลสุกมาประกอบอาหารได้ทั้งสิ้น
เรามาเริ่มทำความรู้จักกับ ‘ผลฟักข้าว’ กันก่อนเลย ลักษณะของมันจะเป็นผลทรงกลมหรือทรงรี มีตุ่มหนามแหลมๆ กระจายอยู่ทั่วทั้งผล หากเป็นผลอ่อนจะมีสีเขียวอ่อน ส่วนผลที่สุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง หรือสีแดงอมส้ม สารอาหารที่พบมากในฟักข้าวที่แสดงให้ผลกลายเป็นสีแดงนี้ ก็คือ ‘เบต้าแคโรทีน’ ที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น โดยมากจะพบสารชนิดนี้อยู่ที่เยื่อหุ้มเมล็ดของฟักข้าว และเมื่อเปรียบเทียบปริมาณเบต้าแคโรทีนระหว่างฟักข้าวกับแครอท ก็ได้รับคำตอบที่น่าแปลกใจว่า ในฟักข้าวมีเบต้าแคโรทีนสูงกว่าในแครอทถึง 10 เท่า เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรับประทานเมล็ดฟักข้าวแบบดิบๆได้ เนื่องจากจะยังมีพิษอยู่ ดังนั้น จำเป็นต้องนำไปทำให้สุกเสียก่อน ซึ่งอาจใช้วิธีคั่วเพื่อผ่านความร้อนเข้าไปภายในเมล็ด
นอกเหนือจากเบต้าแคโรทีนที่พบมากในเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวแล้ว ยังพบว่ามีสารสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า ‘ไลโคปีน’ สารชนิดนี้จัดเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบได้ในมะเขือเทศ แต่มีปริมาณมากกว่าที่พบในมะเขือเทศถึง 12 เท่า ซึ่งไลโคปีนมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูนอิสระที่ดี มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลที่ศึกษาเกี่ยวกับฟักข้าวพบว่า เมล็ดฟักข้าวที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอชไอวี (HIV) ในผู้ป่วยโรคเอดส์ได้ดีอีกด้วย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ฟักข้าวถือเป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่มีดีทั้งการมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ร่างกายด้วย
นอกเหนือจากการรับประทานผลฟักข้าวแบบสดๆแล้ว ยังมีการนำผลฟักข้าวมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานมากขึ้นอีกด้วย ทำให้ตลาดน้ำสมุนไพรในทุกวันนี้ มีน้องใหม่ที่ชื่อว่า ‘น้ำฟักข้าว’ ออกมาให้ผู้บริโภคได้เลือกดื่มเพื่อเสริมสุขภาพที่ดีกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งแม้รสชาติอาจจะไม่อร่อยเทียบเท่ากับน้ำผลไม้ชนิดอื่น แต่คุณสมบัติที่มีในตัวของฟักข้าวนั้นก็มากเพียงพอที่ทำจะให้คนที่ใส่ใจในสุขภาพหันมาดื่มรับประทานกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การรับประทานฟักข้าวหรือน้ำฟักข้าวจะมีประโยชน์ต่อร่างกายก็ต่อเมื่อผู้บริโภครับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและไม่มากจนเกินไป เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการเพิ่มเกราะป้องกันที่ดีให้แก่ร่างกาย และช่วยให้ปลอดภัยจากโรคร้ายแรงที่ไม่มีใครอยากเผชิญได้

นอกเหนือจากส่วนผลที่มีประโยชน์อย่างมากมายนี้แล้ว ส่วนประกอบอื่นๆของต้นก็ยังสามารถใช้ในการรักษาโรคอื่นๆได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การนำรากมาต้มเพื่อเอาน้ำดื่มรับประทานจะช่วยในการถอนพิษไข้ ขับเสมหะ หรือแก้อาการปวดตามข้อได้ และหากใช้ส่วนที่เป็นใบ ก็สามารถรักษาโรคไข้ตัวร้อน แก้ริดสีดวง แก้อาการปวดหลัง ช่วยถอนพิษอักเสบ แก้พิษ แก้ฝี หรือแก้หูด ได้เช่นกัน
พืชชนิดนี้ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทยเพียงที่เดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้ในแถบประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน พม่า ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ หรือเวียดนาม ซึ่งแต่ละประเทศก็อาจจะมีวิธีการในการนำฟักข้าวมาใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย เช่น ในประเทศฟิลิปปินส์ จะนำเอารากฟักข้าวมาบดแล้วนำไปหมักผม เพื่อช่วยให้ผมดกดำ แก้อาการคันศีรษะ แก้รังแค แก้ผมร่วง และช่วยในการกำจัดเหาได้ด้วย ส่วนประเทศจีนก็นิยมนำเมล็ดแก่ของฟักข้าวมาบดให้แห้ง จากนั้นนำไปผสมกับน้ำมันหรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วจึงนำมาทาบริเวณผิวหนังที่มีอาการอักเสบ บวม ก็จะช่วยรักษาอาการบวมได้ นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาโรคกลาก เกลื้อน ฟกช้ำ แก้อาการผื่นคัน หรือแก้ปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังต่างๆ ได้ดีด้วย เป็นต้น ซึ่งโดยรวมแล้วพืชขนิดนี้ก็ยังเป็นพืชมหัศรรย์ที่สามารถรักษาโรคได้อย่างมากมายอยู่ดี
เห็นแบบนี้แล้ว คงจะไม่สามารถมองข้ามสมุนไพรชนิดนี้ได้อีกต่อไป เพราะ “ฟักข้าว” เป็นพืชที่แสนมหัศจรรย์ ทั้งยังอุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางโภชนาการที่เต็มเปี่ยม ใครก็ตามที่ยังไม่เคยลองรับประทานสมุนไพรไทยชนิดนี้ ก็ลองไปหาทานกันได้ แต่ระวังจะติดใจจนถอนตัวไม่ได้นะคะ