ไส้กรอก เป็นหนึ่งในอาหารพร้อมรับประทานที่สามารถหาซื้อหรือหารับประทานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และราคาไม่แพง อีกทั้งยังนิยมซื้อไว้ติดบ้านเพื่อรับประทานเล่น หรือรับประทานเป็นอาหารเช้าคู่กับไข่ดาวสักฟองก็อร่อยไม่เบา ด้วยเหตุผลเช่นนี้เอง จึงทำให้ไส้กรอกกลายเป็นอาหารยอดฮิตที่ครองใจผู้บริโภคทั้งวัยเด็ก วัยทำงาน หรือแม้แต่วัยชรา
แต่ทราบหรือไม่ค่ะว่า อาหารอย่าง “ไส้กรอก” นี้ เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่เราไม่ควรบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป เพราะไส้กรอกเป็นหนึ่งในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์แปรรูปพวกเดียวกับแฮมหรือเบคอน ซึ่งจำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีในการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพหรือรสชาติของอาหารให้ดูน่ารับประทานและเย้ายวนใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

คาดว่าคอไส้กรอกหลายคนคงจะเริ่มรู้สึกกลัวและเป็นกังวลอย่างแน่นอน เมื่อได้ยินข่าวว่า อาหารสุดโปรดของคุณนั้น มีส่วนทำให้เกิดโรคร้ายอย่างโรคมะเร็งได้ หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง โดยนักวิจัยได้ออกมาเตือนผู้บริโภคที่รับประทานไส้กรอกเป็นประจำว่า “การรับประทานไส้กรอกเพียงวันละชิ้น ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ถึง 20% แล้ว “
ศาสตราจารย์มาร์ติน ไวส์แมน ที่ปรึกษาด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ของกองทุนวิจัยมะเร็งโลก ได้กล่าวไว้ว่า “การรับประทานเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการแปรรูปทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ลำไส้เพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 5 หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงหรือไม่รับประทานเลยจะดีกว่า“ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก อาหารจำพวกเนื้อสัตว์แปรรูปล้วนเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการรมควัน หมักเกลือ และผสมวัตถุเจือปนต่างๆมากมาย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติโดยตรง การรับประทานในรูปแบบที่ต่อเนื่องซ้ำๆในทุกวัน จึงทำให้เพิ่มโอกาสการเกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ให้สูงขึ้นนั่นเอง
นอกจากจากโรคมะเร็งลำไส้แล้ว การรับประทานเนื้อแปรรูปยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมอัณฑะ มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร และ มะเร็งหลอดอาหาร ได้เช่นเดียวกัน ในขณะที่ ในเนื้อแดงที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูปก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอยู่นั่นแหละ แต่ความเสี่ยงที่มีจะยังคงน้อยกว่าการรับประทานเนื้อแปรรูป ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก ทั้งเนื้อแปรรูปและเนื้อแดงล้วนแต่อุดมไปด้วยไขมันและธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเกิดมะเร็งทั้งสิ้น เพียงแต่เนื้อแปรรูปจะต้องมีการเพิ่มกระบวนการพิเศษที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้นนั่นเอง

กระบวนการแปรรูปที่ว่านี้ ก็คือ การใช้วัตถุเจือปนอาหารที่มีชื่อว่า “โซเดียมไนไตรท์” ผสมลงไปในเนื้อสัตว์หมัก เพื่อคงสภาพสีให้อยู่ได้นานและเพิ่มกลิ่นของไส้กรอกให้มีความเฉพาะตัว ซึ่งการที่ร่างกายได้รับสารชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้เกิดเป็นอันตรายต่อสุขภาพในลักษณะที่เป็นพิษเรื้อรังได้ กลไกการเกิดพิษเกิดได้เนื่องจาก ‘สารไนไตรท์’ ที่ได้มาจาก ‘โซเดียมไนไตรท์’ จะไปทำปฏิกิริยากับสารเคมีในเนื้อสัตว์ แล้วเกิดเป็นกรดไนตรัสขึ้นมา พอเวลาที่เรารับประทานอาหารประเภทโปรตีนเข้าไป ตัวกรดไนตรัสที่เกิดขึ้นก็จะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนแล้วเกิดเป็นสารพิษที่ชื่อว่า ‘ไนโตรซามีน’ ซึ่งสารไนโตรซามีนนี่เอง ที่เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งร้ายในร่างกายมนุษย์ที่คงไม่มีใครอยากพบเจอ
ได้ยินเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถรับประทานเบคอน แฮม พาสตรามี ซาลามี แฮมเบอร์เกอร์หรือ ฮ็อตด็อกทดแทนไส้กรอกได้นะคะ เพราะอาหารทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็จัดอยู่ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์แปรรูปเช่นเดียวกัน ดังนั้นผลเสียต่อร่างกายจึงไม่ได้แตกต่างกันมากสักเท่าไรเลยน
เชื่อว่าผู้บริโภคหลายๆคนคงยังไม่เคยทราบหรอกว่า อาหารแสนอร่อยอย่าง ‘ไส้กรอก‘ จะมีโทษที่อันตรายร้ายแรงถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งตื่นตูมไปนะคะ การรับประทานไส้กรอกก็ยังสามารถรับประทานได้อยู่ตามปกติ เนื่องจากยังคงเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยโปรตีน วิตามินบี วิตามินดี เหล็ก และสังกะสี ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น เพียงแต่ควรควบคุมปริมาณการบริโภคให้ดี ไม่ควรรับประทานบ่อยๆ หรือ ซ้ำๆในทุกๆวัน นอกจากนี้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อเพื่อบริโภคก็ควรสังเกตแหล่งที่มาด้วย ว่าดูสะอาดถูกหลักอนามัยหรือป่าว เพราะนอกจากโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งแล้ว อาจได้ของแถมเป็นโรคอาหารเป็นพิษติดมาด้วยก็เป็นได้
หากเป็นไปได้ การหลีกเลี่ยงการรับประทานทั้งเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป แล้วหันไปเพิ่มโปรตีนให้แก่ร่างกายด้วยการบริโภคเนื้อปลา สัตว์ปีกไขมันต่ำ และถั่วทดแทน ก็จะเป็นหนึ่งในวิธีการในการลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งได้เช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคมะเร็งไม่ได้มีแต่เพียงการบริโภคเนื้อสัตว์เท่านั้น
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายชนิดนี้ได้เช่นกัน ดังนั้น การพยายามควบรวมพฤติกรรมที่เหมาะสม และปฏิบัติให้ได้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมมากกว่าการเลือกรับประทานเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงอย่างเดียว
สุดท้ายแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล การรับประทานเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นครั้งคราวเพื่อตอบสนองความต้องการทางจิตใจเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่หากรับประทานมากจนติดเป็นนิสัยชนิดที่ว่าขาดไม่ได้เลยนั้น ก็คงต้องเตรียมใจไว้สักหน่อย เพราะโรคร้ายอาจจะมาเยี่ยมเยือนคุณไม่เร็วก็ช้าเป็นแน่
?