วิธีกำจัดเชื้อรา
ช่วงเวลาที่มีฝนตกบ่อยๆแบบนี้เป็นช่วงสภาพอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่เชื้อจุลินทรีย์ประเภทเชื้อราจะสามารถเจริญเติบโตได้ดี เนื่องจากว่าเชื้อราเป็นเชื้อโรคที่ชื่นชอบสภาวะอากาศแบบชื้นๆ การมีฝนตกจะยิ่งทำให้การเกิดเชื้อรานั้นสามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราเองคงไม่สามารถที่จะไปควบคุมสภาพดินฟ้าอากาศได้
แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้ ก็คือ การรับรู้ถึงวิธีการที่ถูกต้องในการที่จะป้องกันการเกิดเชื้อรา หรือการกำจัดเชื้อราให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเชื้อราไม่ได้เป็นเพียงแค่เชื้อจุลินทรีย์ธรรมดาเท่านั้น แต่อาจจะทำให้เราเกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาได้อย่างที่เราไม่ได้ตั้งใจ
หากพูดถึงเชื้อรา คุณอาจจะนึกถึงเพียงแค่เชื้อราที่ขึ้นบนขนมปัง ซึ่งทำให้คุณนั้นไม่สามารถที่จะรับประทานอาหารชนิดนั้นๆได้ จำเป็นต้องโยนทิ้งไป แต่ในความเป็นจริงแล้วเชื้อรายังสามารถขึ้นในสิ่งต่างๆได้อีกมากมาย ไม่ว่าคุณจะมองเห็นหรือไม่ก็ตาม เพราะเชื้อรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมากๆ การที่คุณมองเห็นมันแสดงว่ามันก่อตัวเป็นกลุ่มเชื้อราขนาดใหญ่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอให้มีกลุ่มเชื้อราขนาดใหญ่แบบนั้นหรอก เพราะเชื้อราแค่จำนวนน้อยๆก็อาจจะทำให้คุณป่วยได้แล้ว

อย่างที่บอกไปว่าเชื้อรานั้นชอบสภาพอากาศที่ค่อนข้างจะชื้นและมืด อากาศที่มีฝนตกต่อเนื่องแบบทุกๆวันนี้ จึงเป็นสภาวะอากาศที่เหมาะสมที่จะทำให้เชื้อรารู้สึกเบิกบานมากที่สุด ธรรมชาติของเชื้อรานั้นจะมีการพัฒนาเป็นเส้นใยเล็กๆ และแพร่พันธุ์ด้วยการสร้างสปอร์ขนาดเล็กที่เราไม่มีทางมองเห็นได้เลยด้วยตาเปล่า การเจริญเติบโตของเชื้อราจะรวดเร็วมากขึ้นเมื่อสภาพอากาศเป็นใจ และแน่นอนว่าสปอร์ของเชื้อรานั้นถูกทำลายด้วยความร้อนได้ยาก ทำให้สามารถที่จะล่องลอยอยู่ในบรรยากาศได้นาน
แม้ว่าร่างกายของเราจะมีระบบต้านทานหรือป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เช่น การมีขนจมูกในการดักกรองสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิต้านทานโรคที่ลดลง ก็อาจจะทำให้เชื้อรานั้นก่อให้เกิดโรคหรือทำให้ร่างกายผิดปกติได้อย่างชัดเจนมากขึ้นไปอีก
เชื้อรานี้เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เราเกิดโรคต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง หรือทำให้มีอาการเกี่ยวกับการมีน้ำมูกไหล หายใจไม่ออก รวมถึงอาการมีผื่นต่างๆตามผิวหนังและร่างกาย ถึงเวลาแล้ว…ที่เราที่จะต้องรู้จักวิธีการในการที่จะกำจัดเชื้อราให้หมดไป ดังต่อไปนี้

พื้นผนัง สามารถกำจัดเชื้อราที่พื้นหรือผนังได้โดยการใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาซักผ้าขาว ซึ่งจะต้องมีการเจือจางก่อนในอัตราส่วน 1 ต่อน้ำ 10 เท่า จากนั้นจึงนำเอาน้ำยาที่ผสมได้มาเช็ดบริเวณพื้น ผนังที่ต้องการกำจัดรา ปล่อยทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำปกติ ก็จะสามารถกำจัดเชื้อราออกไปได้
ผ้า ในส่วนของวัสดุที่เป็นผ้าไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ผ้าม่าน หรือผ้าปูโต๊ะต่างๆ สามารถกำจัดเชื้อราได้ด้วยการซักด้วยผงซักฟอกที่ผสมกับน้ำส้มสายชู หรืออาจจะใช้เป็นโปรแกรมซักน้ำร้อนในการช่วยซักผ้าด้วยก็ยิ่งดี จากนั้นจะต้องมีการนำไปตากแดดจะจัดเพื่อให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคและฆ่าเชื้อราได้
หมวก ในส่วนของเครื่องประดับที่เป็นหมวก สามารถกำจัดเชื้อราได้ด้วยการใช้แป้งฝุ่น วิธีการก็คือโรยแป้งฝุ่นลงบนคราบที่เป็นเชื้อราทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นจึงใช้เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กดูดแป้งฝุ่นออกไป โดยห้ามใช้แปรงปัดโดยเด็ดขาด เนื่องจากเชื้อรามีคุณสมบัติในการฟุ้งกระจายในอากาศได้ดี แต่ถ้าดูดฝุ่นออกไปแล้วยังออกไม่หมด สามารถใช้ผ้าชุบน้ำ บิดหมาดๆ ซับไปในบริเวณฝุ่นที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นให้นำหมวกไปตากแดดจัด เพื่อกำจัดเชื้อราด้วยอีกทางหนึ่ง
รองเท้า ในส่วนของรองเท้าที่เป็นรองเท้าหนังก็อาจจะมีการปนเปื้อนของเชื้อราได้เช่นกัน วิธีการทำความสะอาดที่แนะนำ ก็คือ การใช้สบู่อ่อนๆในการทำความสะอาด หรืออาจจะใช้ครีมที่เป็นครีมทำความสะอาดหนังโดยเฉพาะ ในการทำความสะอาดรองเท้าของคุณก็ได้ หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว อย่าลืมนำไปตากแดดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้แห้งสนิทและไม่เกิดเป็นเชื้อราซ้ำ
ห้องน้ำ ในส่วนของห้องน้ำถือเป็นบริเวณที่มีความชื้นในห้องค่อนข้างสูง การกำจัดเชื้อราในห้องน้ำสามารถใช้สารที่มีความเข้มข้นสูงอย่างน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาผสมกัน แล้วราดไปบนพื้นห้องน้ำ ทิ้งไว้ 10-15 นาที ก่อนที่จะใช้แปรงขัดโดยเน้นในส่วนที่เห็นว่ามีเชื้อรา จากนั้นล้างให้สะอาดก็จะสามารถช่วยกำจัดเชื้อราได้ หรืออาจจะใช้เบกกิ้งโซดาขัดซ้ำอีกรอบก็จะช่วยให้หมั่นใจว่าสามารถกำจัดเชื้อราได้ดียิ่งขึ้นได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีตั้งต้นในการที่จะช่วยให้คุณสามารถที่จะกำจัดเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีฝนตกบ่อยๆแบบนี้ได้ สิ่งที่สำคัญก็คือจะเห็นว่าสารต่างๆที่ใช้ในการกำจัดเชื้อรานั้นมีความรุนแรงมากพอสมควร ดังนั้น ก่อนที่เราจะกำจัดเชื้อราทุกครั้ง จะต้องมีการป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากาก หรือถุงมือที่มีคุณสมบัติในการป้องกันสารเคมีที่ดี เพื่อป้องกันการสูดดมเอาเชื้อราเข้าไป รวมไปถึงการสัมผัสกับสารเคมีหรือเชื้อราด้วย
ที่สำคัญก็คือเชื้อรานั้นมีความสามารถในการฟุ้งกระจายในอากาศได้ดี ดังนั้น การทำความสะอาดจะต้องไม่ทำให้เกิดการฟุ้งกระจาย เพราะอาจจะทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อราได้มากขึ้นกว่าเดิม