เสียงท้องร้องบอกโรค

ใครเคยได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเองบ้างคะ? บางครั้งเราอาจจะเคยได้ยินว่าท้องของเรานั้นมีการร้องเสียงดัง ซึ่งเราอาจจะตีความหมายว่า…เรากำลังหิวข้าวอยู่ ต้องรีบหาข้าวกินแล้ว…แต่ในความเป็นจริงแล้วอาการท้องร้องจนมีเสียงดังออกมาไม่จำเป็นต้องหมายความว่าร่างกายต้องการอาหารเพียงอย่างเดียวเสมอไป แต่อาการเสียงดังของท้องอาจจะเป็นอาการที่ฟ้องให้เรารู้ว่า เรากำลังป่วยเป็นโรคอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้

ในวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันค่ะว่า อาการเสียงร้องดังๆของท้องที่เคยเป็นอยู่เป็นสัญญาณของความผิดปกติของอวัยวะส่วนใดกันแน่

ระบบย่อยอาหารของคนเรานั้นประกอบไปด้วยอวัยวะหลายๆส่วน หลังจากที่เรามีการบดเคี้ยวอาหารด้วยฟันจนละเอียดเพียงพอแล้ว เราจะมีการกลืนอาหารผ่านหลอดอาหารลงมายังกระเพาะอาหาร และกระเพาะอาหารนี้เองที่จะเป็นอวัยวะหลักในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีน จากนั้นจึงส่งต่อไปยังลำไส้เพื่อย่อยสารอาหารอื่นๆต่อไป

อวัยวะหลักที่มักจะเกิดปัญหาเกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร ก็คือ กระเพาะอาหาร นี่ล่ะค่ะเนื่องจากว่าการย่อยอาหารในกระเพาะอาหารจะต้องมีการใช้กรดที่มีความสามารถในการย่อยชิ้นอาหารให้กลายเป็นสารอาหารที่มีขนาดเล็กลงก่อนที่จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ และกรดตัวนี้ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ย่อยอาหารเล็กลงเท่านั้น แต่หากเรามีการรับประทานอาหารไม่ถูกต้องหรือเป็นโรคบางอย่าง กรดตัวนี้ก็อาจจะทำลายอวัยวะของเราได้ด้วยเช่นกัน และจะนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ เช่น การเกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบตามมาได้

โรคที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นมาจากการขาดวินัยในการรับประทานอาหารของผู้ป่วย ยกตัวอย่างเช่น รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา มีความเครียดจัด หรือการรับประทานอาหารบางอย่างที่ไม่เหมาะสม จนทำให้กระเพาะอาหารนั้นทำร้ายตัวเอง และทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา

อาการของโรคที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารอักเสบจะทำให้เกิดอาการท้องร้องบ่อยๆ ซึ่งอาการท้องร้องแบบนี้ไม่ใช่การท้องร้องจากอาการหิว แต่เกิดมาจากการที่มีการหลั่งออกมาของกรดในกระเพาะอาหารตลอดเวลาต่างหาก โดยเฉพาะเวลาที่เรามีการนอนราบอยู่บนพื้น จะยิ่งได้ยินเสียงร้องดังจากกระเพาะอาหารออกมามากกว่าปกติ อาการท้องร้องจะคล้ายๆกับคนที่หิวข้าว แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่สัญญาณความต้องการอาหารแต่อย่างใด

แม้ว่าคุณจะพึ่งรับประทานข้าวจนอิ่มก็สามารถเกิดอาการท้องร้องแบบนี้ได้เสมอ ทั้งนี้ อาการเสียงร้องดังของท้องมักจะเป็นบ่อยมากๆในช่วงก่อนที่จะเข้านอน ซึ่งมักมาพร้อมกับอาการแน่นท้องที่ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ แม้จะพยายามรับประทานยาก็ทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด

โรคกระเพาะนานเป็นโรคที่ค่อนข้างทรมาน ถึงแม้อาจจะไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่มันย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณอย่างแน่นอน ทำให้หลายคนไม่อยากที่จะป่วยเป็นโรคนี้กันนานๆ ถ้าใครอยากที่จะหายจากอาการโรคกระเพาะก็จำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมระเบียบวินัยในการรับประทานอาหารเสียใหม่ และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อรักษาอาการโรคกระเพาะให้หาย

โดยทั่วไปแล้วการรับประทานยาจะต้องมีการรับประทานอย่างต่อเนื่องประมาณ 4-8 สัปดาห์ จึงจะเห็นผล และแน่นอนว่าการรับประทานยาเพียงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยให้คุณหายจากอาการโรคกระเพาะตลอดไปได้ คุณจำเป็นที่จะต้องมีการปรับระเบียบวินัยและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่าง ที่อาจจะมีผลต่อการกลับมาของอาการของโรคกระเพาะได้อีก

ปัจจัยที่ควรที่จะหลีกเลี่ยงเลย ก็คือ การรับประทานอาหารรสจัดมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นรสจัดในด้านของรสเค็ม เปรี้ยว หวาน หรือระดับความเผ็ดก็ควรที่จะควบคุมเช่นเดียวกัน

ส่วนที่สอง ก็คือ การลดการรับประทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ รวมไปถึงอาหารเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เช่น เบียร์ เหล้า ไวน์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามหากใครมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและมีการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งแล้ว ก็ยังพบว่าร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษา ก็จะต้องมีการรักษาที่ลึกซึ้งไปกว่านั้นด้วยอาจจะต้องมีการส่องกล้องเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร เพื่อตรวจสอบดูว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นที่ส่วนใด และมีสาเหตุมาจากปัจจัยใดกันแน่ โดยจะต้องมีการเข้ารับคำปรึกษาและตรวจสอบจากอายุรแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะ

การส่องกล้องในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ๆมากมายที่ทำให้การส่องกล้องนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่ส่องกล้องและรับรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคแล้ว จะต้องมีการรักษาตามอาการต่อไป

จะเห็นได้ว่าอาการท้องร้องไม่ใช่การบ่งบอกถึงความหิวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันคือการบ่งบอกให้คุณรับรู้ว่าคุณต้องหันมาดูแลตัวเองมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของกระเพาะอาหารซึ่งถือเป็นอวัยวะหลักในการย่อยอาหารและเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักทุกๆวัน

หากใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารอยู่ ก็ควรที่จะต้องหันมาดูแล้วว่าปัจจัยหรือพฤติกรรมต่างๆที่เราทำอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีอะไรบ้างที่ไม่เหมาะสม ค่อยๆแก้ไขปัจจัยหรือพฤติกรรมต่างๆเหล่านั้นให้ดีขึ้น แล้วคุณก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะอาหารได้อย่างแน่นอน