แสร้งว่าอิ่ม หลอกตัวเองให้กินอาหารน้อยลง
การพยายามควบคุมร่างกายให้ทำในสิ่งที่เราต้องการอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก หลายๆครั้งเราจึงจำเป็นที่จะต้องหลอกตัวเองเพื่อให้ได้ในวัตถุประสงค์ที่ต้องการ สิ่งที่คนส่วนใหญ่นิยมแกล้งหลอกตัวเองก็คคงจะหนีไม้พ้นเรื่องการควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายๆคนไม่สามารถที่จะหยุดตามใจปากได้
อาหารที่น่ารับประทานและหลากหลายล้วนเข้ามาในวนเวียนในชีวิตประจำวันของเรา และทำให้เราไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ว่าควรจะเลือกรับประทานอาหารที่อร่อยหรืออาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน ?
เมื่อเราไม่สามารถควบคุมเรื่องการรับประทานอาหารให้พอเหมาะพอควร หรือเลือกรับประทานแต่เฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ จึงทำให้ร่างกายต้องมีการทำงานอย่างหนักเพื่อย่อยสารอาหารที่เกินความต้องการ่างกายในแต่ละวัน และถ้าการเผาผลาญนั้นเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์ หรือไม่สามารถนำเอาพลังงานที่รับประทานเข้าไปใช้ได้หมด ก็จะกลายเป็นไขมันสะสมอยู่ในร่างกาย และนำมาสู่ปัญหาของการเกิดโรคอ้วน หรือโรคอื่นๆตามมาอีกมากมาย
ด้วยเหตุนี้เอง…เราจึงต้องพยายามที่จะควบคุมการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจจะใช้เทคนิคดังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ในการแกล้งหลอกตัวเองว่า…เราอิ่มแล้ว เทคนิคที่เราจะพูดถึงในวันนี้เป็นเทคนิคหลักๆซึ่งเป็นหลักการของทางวิทยาศาสตร์ ที่จะทำให้สมองนั้นรู้สึกว่ารับประทานอาหารได้น้อยลง ดังต่อไปนี้

1 เปลี่ยนไปใช้ภาชนะบรรจุที่มีขนาดเล็ก
เวลาที่เรามีการใช้ถ้วยหรือจานชามที่มีขนาดเล็ก จะทำให้รู้สึกถึงว่าปริมาณอาหารที่เรารับประทานดูมากขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วปริมาณไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลย การศึกษาเรื่องนี้มีงานวิจัยในปี 2006 ช่วยยืนยันว่าการทดลองกินไอศครีมโดยใช้ชามใบใหญ่ จะทำให้ผู้ทดสอบรู้สึกถึงการรับประทานไอศกรีมได้น้อยกว่าการรับประทานจากชามใบเล็กๆ เพราะฉะนั้นหากคุณรู้สึกว่าอยากจะหลอกสมองว่ารับประทานอาหารได้มากแล้ว ต้องลองเปลี่ยนขนาดของจานดูก่อนเป็นอันดับแรก ก็จะช่วยในการหลอกสมองได้เป็นอย่างดี
2 การใช้สีของภาชนะที่ตรงข้ามกับอาหาร
นอกจากขนาดของชามจะเป็นสิ่งที่สำคัญแล้ว สีก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกันด้วย หากเราพยายามเลือกใช้ภาชนะที่มีความแตกต่างระหว่างสีของอาหารกับสีของภาชนะ จะทำให้คุณสามารถหลอกให้สมองรับรู้ได้ว่าคุณนั้นทานอาหารได้น้อยลง
เช่นเดียวกับผ้าปูโต๊ะ หากเลือกผ้าปูโต๊ะที่มีลักษณะสีลวงตา จะทำให้ส่งผลต่อการควบคุมการรับประทานอาหาร ทำให้ร่างกายของเรารับประทานอาหารได้น้อยลง
3 การมีสมาธิจดจ่อในการรับประทานอาหาร
เมื่อใดก็ตามที่เราขาดสมาธิในการจดจ่อกับการรับประทานอาหาร อาจจะทำให้เรารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ควรที่จะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรารับประทานอาหารไปด้วยพร้อมๆกับการดูโทรทัศน์หรือเล่นสมาร์ทโฟน จะยิ่งทำให้เราเสียสมาธิมากขึ้นเท่านั้น และจะทำให้รู้สึกว่าเรานั้นทานอาหารมากขึ้นกว่าเดิม อิ่มช้าลง
เพราะฉะนั้นควรแยกเวลาในการรับประทานอาหารกับกิจกรรมต่างๆเหล่านี้ จะช่วยควบคุมปริมาณการทานอาหารได้ดีมากยิ่งขึ้น

4 ใช้แก้วทรงสูง
การใช้ภาชนะในการใส่เครื่องดื่มMUJเป็นแก้วทรงสูงจะทำให้รู้สึกถึงปริมาณอาหารที่มากกว่าการใช้แก้วที่มีทรงเตี้ย แม้จะมีขนาดหรือปริมาตรของเครื่องดื่มที่เท่ากัน ดังนั้น หากเป็นไปได้ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานเครื่องดื่มประเภทน้ำหวานหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ควรที่จะเลือกใช้เป็นแก้วทรงสูง เพื่อที่จะหลอกสมองให้รับประทานเครื่องดื่มนั้นๆให้น้อยลงกว่าเดิม ก็จะทำให้ร่างกายสามารถลดการรับพลังงานจากเครื่องดื่มต่างๆเหล่านี้ได้
5 ใช้ส้อมที่มีขนาดใหญ่
จากการวิจัยของวารสารวิจัยผู้บริโภคในปี 2011 ได้มีการทดสอบในเรื่องนี้ว่า คนที่มีการรับประทานอาหารโดยการใช้ส้อมที่มีขนาดใหญ่ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยกว่าคนที่ใช้ส้อมที่มีขนาดเล็ก จริงหรือเปล่าต้องลองดู
6 ตัดอาหารเป็นชิ้นเล็กๆก่อนรับประทาน
หากเรามีการใช้ช้อนส้อมตัดแบ่งอาหารที่เป็นชิ้นเล็กๆก่อนที่จะหยิบเข้าปากเพื่อรับประทาน จะสามารถช่วยหลอกสมองได้ว่าเรารับประทานอาหารได้มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับการหยิบอาหารทั้งชิ้นเข้าปากโดยไม่มีการตัดแบ่ง ทั้งที่จริงๆแล้วปริมาณอาหารจะเท่ากันเลยก็ตาม เมื่อเรารับประทานอาหารได้น้อยลงการรับพลังงานต่างๆก็จะน้อยลงด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีง่ายๆที่จะทำให้คุณสามารถที่จะหลอกให้สมองรับรู้ว่าการรับประทานอาหารของคุณนั้นมีปริมาณเท่าเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้วมันน้อยลงกว่าเดิม เมื่อเราสามารถที่จะลดปริมาณการรับประทานอาหารในแต่ละวันให้น้อยลงกว่าเดิมได้ ก็จะทำให้การได้รับปริมาณพลังงานไม่มากจนเกินไป และสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้การลดน้ำหนักของคุณเข้าใกล้ความจริงไปอีกหนึ่งขั้น
ผลที่ตามมาก็คือจะช่วยลดการบริโภคอาหารได้โดยไม่ต้องเพิ่มความทรมาน ในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนคุณอาจจะยังไม่ชิม แต่หากค่อยๆปรับมุมมองในการรับประทานอาหารให้เป็นในทิศทางนี้ ก็จะช่วยให้คุณนั้นสามารถควบคุมปริมาณอาหารได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่ต้องอดอาหารให้เหนื่อยอีกต่อไปด้วย แต่ได้รับผลดีจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแค่เพียงเล็กๆน้อยๆ ถือว่าคุ้มค่าสุดๆไปเลย