กลิ่นตัว กำจัดได้ที่ต้นเหตุ
หนึ่งในปัญหาหนักอกที่หลายคนพบเจอกันบ่อยๆ ก็คือ ปัญหาในเรื่องของกลิ่นตัว ซึ่งแต่ละคนก็จะมีกลิ่นที่รุนแรงมากน้อยไม่เท่ากัน สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวน้อยก็คงจะไม่ได้มีความกังวลกับปัญหานี้มากนักสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวแรง เหงื่อออกเยอะ หรือทำกิจกรรมกลางแดดหรือกลางความร้อนบ่อยๆ ก็ย่อมจะมีโอกาสที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ง่ายหรือรุนแรงกว่าคนอื่นๆ ซึ่งถึงแม้ว่าคุณจะพยายามหาวิธีต่างๆในการที่จะลดหรือดับกลิ่นกายแล้ว เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ก็ยังอาจจะไม่สามารถที่จะกลบกลิ่นนั้นได้ตลอดทั้งวัน
ซึ่งสาเหตุที่ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้อย่างถูกต้อง อาจจะเป็นเพราะคุณแก้ไขสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวผิดจุด เพราะการกำจัดกลิ่นตัวที่ดีที่สุดควรจะกำจัดที่ต้นเหตุ อะไรคือต้นเหตุของการเกิดกลิ่นตัวบ้าง…เรามาเรียนรู้กันได้เลยค่ะ
ก่อนอื่นก็ต้องทราบกันก่อนว่า…กลิ่นตัวนั้นเกิดขึ้นมาจากอะไร
ลำพังการที่เราเกิดเหงื่อไหลออกมาจากต่อมเหงื่อที่บริเวณผิวหนังตามลำตัว แขน ขา มือ หรือใบหน้า ยังไม่สามารถจะทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ แต่กลิ่นกายจะเกิดมาจากสาเหตุสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่
1 เมื่อเหงื่อมีการผสมกับจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวหนัง
2 เมื่อเหงื่อมาจากต่อมเหงื่อที่มีชื่อว่า Apocrine sweat gland ซึ่งจะมีลักษณะที่เหนียวมากกว่าเหงื่อปกติเล็กน้อ ยและแน่นอนว่าจะมีกลิ่นที่รุนแรงมากขึ้น

เมื่อทราบแล้วว่าสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวนั้นมีสาเหตุสำคัญอยู่เพียงแค่ 2 ประการ เราก็ต้องมารู้จักวิธีการในการที่จะกำจัดกลิ่นตัวที่ต้นเหตุ โดยสามารถแบ่งวิธีการออกมาได้ดังต่อไปนี้
1 หลีกเลี่ยงอาหารบางกลุ่ม อาหารบางประเภทมีคุณสมบัติที่จะทำให้การเกิดเหงื่อของคุณมีกลิ่นที่รุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อาหารที่มีรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด รวมไปถึงอาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศที่มีกลิ่นที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็น กระเทียม หัวหอม พริกไทย แกงกะหรี่ รวมไม่ถึงผลไม้บางอย่างที่มีแร่ธาตุกำมะถันสูง ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน ชะอม สะตอ การรับประทานอาหารต่างๆเหล่านี้เข้าไปนอกเหนือจากกลิ่นปากที่เกิดขึ้นจากการรับประทานแล้ว ยังส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวได้อีกด้วย
2 หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อแดง การรับประทานเนื้อแดงอย่างเนื้อวัวหรือเนื้อสัตว์อื่นๆที่เป็นสัตว์ใหญ่จะทำให้คุณมีโอกาสที่จะเกิดกลิ่นตัวที่แรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่ไม่รับประทานเนื้อแดง
3 หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีไขมันสูงหรืออาหารที่ผ่านการทอดด้วยน้ำมันจะเป็นการกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อในร่างกายในบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณรักแร้หรือขาหนีบทำให้มีเหงื่อออกมากขึ้น ซึ่งก็จะมีโอกาสที่ทำให้เกิดกลิ่นที่มากขึ้นด้วย
4 น้ำหนักเกินมาตรฐาน หากคุณลองเปรียบเทียบระหว่างคนอ้วนกับคนผอม คุณมักจะเห็นว่าคนที่มีน้ำหนักตัวมากกว่ามักจะมีกลิ่นตัวที่แรงกว่า เหตุผลก็เป็นเพราะว่าคนอ้วนจะมีโอกาสที่อวัยวะภายนอกจะมีความอับชื้นได้มากกว่าคนผอม เมื่อมีความชื้นมากขึ้นก็จะยอมเป็นต้นเหตุให้เกิดการสร้างกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นตามข้อพับ รักแร้ หรือขาหนีบต่างๆได้มากกว่าคนอื่นๆ ดังนั้น การควบคุมน้ำหนักให้ไม่เกินมาตรฐานก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะทำให้คุณนั้นมีกลิ่นกายที่ลดลงได้
5 ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายมีอยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งหากคุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะกับตัวเองก็ อาจจะทำให้กลิ่นกายนั้นๆไม่สามารถถูกลบได้ และอาจจะเป็นการส่งเสริมทำให้กลิ่นนั้นรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

หากคุณสามารถที่จะหลีกเลี่ยงข้อปฏิบัติต่างๆที่กล่าวไว้ข้างต้นได้ก็ น่าจะช่วยทำให้คุณนั้นมีกลิ่นตัวที่ลดลงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เรายังจะมีเคล็ดลับสำคัญอีกเล็กน้อยที่จะช่วยให้กลิ่นตัวของคุณลดลงได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยดังต่อไปนี้
1 สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีการระบายอากาศที่ดี ไม่รัดแน่น จะเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำให้คุณสามารถที่จะระบายเหงื่อที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าเดิม ซึ่งก็จะทำให้ไม่เกิดการอับชื้นและเป็นต้นเหตุของการเกิดกลิ่นตัว
2 ทำความสะอาดร่างกาย การอาบน้ำเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้คุณมีกลิ่นตัวลดน้อยลง แต่เชื่อว่าไม่มีใครที่จะสามารถอาบน้ำได้ตลอดทั้งวันหลังจากที่มีเหงื่อออกมากๆ วิธีง่ายๆที่จะช่วยให้คุณมีกลิ่นตัวที่ลงอีกหนึ่งวิธีก็คือ การพกกระดาษทิชชู่เปียกเอาไว้เพื่อเช็ดทำความสะอาดตามรักแร้หรือขาหนีบในระหว่างวัน ร่วมกันกับการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ก็จะช่วยให้คุณมีกลิ่นตัวที่ดีมากขึ้นกว่าเดิมได้
3 สครับผิว การสครับผิวเป็นการกำจัดเอาขี้ไคลหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ซึ่งการสครับผิวก็จะเป็นการช่วยกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกไปจากผิวหนังของเรา เมื่อต้นเหตุของแบคทีเรียหายไปก็จะทำให้กลิ่นตัวนั้นลดลงได้ โดยคุณอาจจะ เลือกที่จะสครับผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือตามช่วงเวลาที่คุณสะดวกก็ได้
นี่เป็นวิธีคร่าวๆที่จะช่วยทำให้คุณมีกลิ่นตัวที่หอมมากขึ้นและน่าเข้าใกล้มากขึ้นกว่าเดิม ลองหยิบเอาไปใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละคนดูนะคะ เชื่อว่ามันจะช่วยให้ใครก็ตามที่อยู่รอบข้างคุณนั้นมีความสุขมากขึ้น และอยากที่จะเดินเข้ามาใกล้กับคุณให้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน