วิตามินบี นั้นสำคัญไฉน?
หากพูดถึงวิตามินแล้ว เชื่อว่าในยุคปัจจุบันนี้คนจะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานวิตามินเพื่อบำรุงร่างกายมากขึ้น เพราะโดยทั่วไปการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถที่จะได้รับวิตามินได้อย่างครบถ้วน การรับประทานวิตามินเสริมจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อคนในยุคสมัยปัจจุบัน
แต่ก่อนที่คุณจะเลือกรับประทานวิตามินใดๆ ก็จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าวิตามินนั้นๆมีความสำคัญต่อร่างกายของเราอย่างไร ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงความสำคัญของวิตามินบี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มวิตามินที่เป็นที่นิยมและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกายของเรา
วิตามินบี เป็นวิตามินชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมหาศาล วิตามินบีรวมจะทำหน้าที่ในการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส ซึ่งร่างกายสามารถที่จะนำเอาไปใช้เป็นพลังงานให้แก่ร่างกายได้ รวมไปถึงการมีความสำคัญในการช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมของไขมันและโปรตีน ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ซึ่งวิตามินบีรวมนั้นสามารถที่จะแยกออกได้เป็นอีกหลายตัว ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีความสามารถในการบำรุงร่างกายที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้

วิตามินบี 1 (ไธอามีน : Thiamin) เป็นวิตามินที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยบำรุงประสาทและกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในช่วงวัยที่กำลังเจริญเติบโต ถ้าขาดวิตามินตัวนี้จะทำให้เกิดโรคเหน็บชาได้ เลือกเสริมวิตามินบี 1 ได้จากการเลือกรับประทานเนื้อหมู เมล็ดทานตะวัน และข้าวซ้อมมือ ซึ่งถือว่ามีวิตามินบี 1 สูงมากที่สุด
วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน : Riboflavin) เป็นวิตามินที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญพลังงานเช่นกัน และยังเกี่ยวข้องกับการสร้างเส้นผมและเล็บด้วย การได้รับวิตามินบี 2 สามารถลดความรุนแรงของอาการปวดหัวไมเกรนได้ แต่ถ้าขาดวิตามินบี 2 ก็จะทำให้เกิดโรคปากนกกระจอก หรือเกิดการอักเสบของผิวหนังได้ ซึ่งสามารถป้องกันอาการต่างๆนี้ได้ด้วยการรับประทานเนื้อสัตว์ ตับ ข้าวโอ๊ต ถั่ว จมูกข้าว ยีสต์ หรือผักใบเขียว เป็นต้น
วิตามินบี 3 (ไนอะซิน : Niacin) เป็นวิตามินที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญพลังงานเพื่อเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงาน ช่วยคุมระดับน้ำตาล ลดการอักเสบของข้อ หากต้องการวิตามินบี 3 สามารถทานข้าว ธัญพืช เนื้อสัตว์ ไข่ นม เครื่องในสัตว์ ตับ ผักใบเขียว หรือโยเกิร์ต ก็เพียงพอสำหรับการได้รับวิตามินตัวนี้แล้ว แต่สำหรับใครที่ขาดวิตามินบี 3 มักจะเกิดอาการท้องเสีย ปวดเกร็งท้อง หรือปวดศีรษะได้

วิตามินบี 5 (แพนโทเทนิค แอซิด : Pantothenic Acid) เป็นสารที่ใช้ในการสร้างโปรตีนและมีส่วนช่วยในการสังเคราะห์ไขมันหรือสารสื่อประสาท ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถเสริมวิตามินตัวนี้ได้จากเนื้อไก่ เนื้อวัว ตับ มันฝรั่ง เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ถ้าขาดวิตามินบี 5 เมื่อไหร่อาจจะทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน มือเท้าชา นอนไม่หลับ หรือมีความเหนื่อยล้าได้ง่ายมากขึ้น
วิตามินบี 6 (ไพริดอกซีน : Pyridoxine) เป็นวิตามินที่ต้องทำงานร่วมกับวิตามินบี9 ช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีน ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้ อีกทั้ง ยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ปกติ และช่วยบำรุงผิวหนังและระบบประสาท สามารถพบวิตามินบี 6 ได้ในอาหารทั่วๆไปอย่างเนื้อสัตว์ ปลา ไก่ ตับ กล้วย แตงโม นม ไข่แดง รำข้าว หรือถั่วต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าร่างกายขาดวิตามินบีตัวนี้มักจะมีอาการคัน ผิวหนังอักเสบ ผิวลอก ปากแห้งแตก หรือโลหิตจางได้
วิตามินบี 7 (ไบโอทิน : Biotin) เป็นวิตามินที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญไขมันและกรดอะมิโน ช่วยบำรุงผิวหนัง เส้นผม เมื่อร่างกายได้รับวิตามินบี 7 ไม่เพียงพอจะทำให้มีอาการซึมเศร้า ประสาทหลอน ชาจี๊ดๆบริเวณแขนและขา สามารถได้รับวิตามินตัวนี้ได้จากถั่ว ผักโขม บรอกโคลี คะน้า เป็นต้น
วิตามินบี 9 (โฟเลต : Folate) ทำงานคู่กับวิตามินบี 6 และเกี่ยวข้องกับการสร้าง DNA มีความสำคัญต่อการแบ่งเซลล์ เพื่อป้องกันความผิดปกติแต่กำเนิด หรือเกี่ยวกับการสร้างเม็ดเลือดแดง ใครต้องการเสริมโฟเลตต้องรับประทานผักใบเขียว โฮลวีต เครื่องในสัตว์ ตับ เห็ดและขนมปัง และผลไม้ตระกูลส้มให้ครบถ้วน ก็สามารถได้รับประโยชน์ได้อย่างง่ายดาย
จะเห็นได้ว่าวิตามินบีแต่ละตัวนั้นมีความสามารถที่โดดเด่นในแต่ละรูปแบบ ดังนั้น การรับประทานวิตามินบีให้ได้ประโยชน์จึงควรได้รับวิตามินบีให้ครบถ้วน ซึ่งในปัจจุบันสามารถรับประทานวิตามินบีได้จากอาหารเสริมจากทั่วไปที่มีการผสมของวิตามินบีต่างๆรวมกันในปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันอยู่แล้ว
ในกรณีที่เรารับประทานวิตามินบีน้อยเกินไปก็จะทำให้เกิดเป็นผลเสียต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดภาวะโลหิตจาง อ่อนล้า อ่อนเพลีย หรือมีความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมอง ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่จำเป็นจะต้องมีการดูแลอย่างดี และต้องรีบแก้ไขโดยด่วนก่อนที่ร่างกายจะทรุดโทรมไปมากกว่านี้
วิตามินบีมีผลอย่างยิ่งต่อสุขภาพที่ดี ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องมีการรับประทานอาหารหรืออารหารเสริมเพื่อให้ได้วิตามินบีที่ครบถ้วน เพื่อที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับการเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป และทำให้อวัยวะหรือระบบการทำงานต่างๆในร่างกายยังคงทำงานได้ดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆได้