เหงือก ร่น ดูแลได้
ปัญหาเกี่ยวกับช่องปากมีอยู่หลากหลายประเด็น ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่หลายคนพบเจอก็คือ ปัญหาในเรื่องของเหงือกร่น ทั้งนี้ การเกิดภาวะเหงือกร่นก็มีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ระดับต้นที่สามารถแก้ไขได้ไปจนถึงระดับรุนแรงที่แก้ไขยากลำบาก ในบทความนี้จะมากล่าวถึงสาเหตุของการเกิดภาวะเหงือกร่น รวมไปถึงวิธีการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับคุณ
ถึงแม้ว่าภาวะเหงือกร่นจะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้เลย ภาวะเหงือกร่น คือ การที่เหงือกร่นลงไปหารากฟัน ซึ่งทำให้เนื้อฟันมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียได้มากขึ้น หรือมีโอกาสการเกิดคราบหินปูนในการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้มากขึ้นกว่าเดิม หากไม่ได้มีการรักษาปัญหาเหงือกร่นก็อาจจะทำให้กระดูกฟันไม่แข็งแรง และอาจจะทำให้ฟันหลุดหรือร่วงไปได้
วิธีการที่เราจะคอยสังเกตได้ว่าเรามีปัญหาเหงือกร่นแล้วหรือยัง? สามารถดูได้จากการที่เราส่องกระจกเพื่อสำรวจง่ายๆด้วยตนเอง หากเราสังเกตเห็นว่าฟันของเราดูเหมือนจะยาวขึ้นมากกว่าปกติ และเห็นร่องฟันของฟัน 2 ซี่ที่ติดกัน รวมไปถึงความรู้สึกเสียวฟันเวลาที่ดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีความร้อนจัดหรือเย็นจัด ทั้งนี้ ปัญหาเหงือกร่นเป็นปัญหาที่มักจะเกิดหรือแสดงอาการอย่างช้าๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ทำให้คุณสามารถที่จะคอยสังเกตตัวเองระหว่างทางที่เป็นได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้หาทางแก้ไขก่อนที่จะเกิดปัญหาที่หนักหน่วงมากขึ้นกว่าเดิม
สาเหตุของการเกิดเหงือกร่นเกิดขึ้นมาจากความเคยชินที่ผิดปกติ ซึ่งอาจจะทำให้คุณต้องเสียฟันซี่นั้นไปเลย เพราะการที่คุณดูแลตัวเองได้ไม่ดีเพียงพอ ดังที่เราจะยกตัวอย่างต่อไปนี้
1 การแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธี
หนึ่งปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะเหงือกร่นได้บ่อยๆ ก็คือ “การแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธี” บางคนสักแต่ว่าจะต้องแปรงฟันให้ผ่านๆไปเท่านั้น แต่อาจจะไม่รู้จักวิธีการในการแปรงฟันที่ถูกต้อง กระบวนการแปรงที่ผิดวิธีจะส่งผลอย่างยิ่งต่อการทำให้เกิดภาวะเหงือกร่น ได้แก่ 1) ใช้ขนแปรงที่หยาบ 2) แปรงฟันหรือการใช้ไหมขัดฟันที่รุนแรงมากจนเกินไป 3) แปรงฟันผิดวิธี
ทั้งสามสิ่งนี้คือตัวการสำคัญของการเกิดภาวะเหงือกร่น ซึ่งต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยด่วน
2 พันธุกรรม
สาเหตุของการเกิดเหงือกร่นสามารถเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรมซึ่งเป็นมาตั้งแต่แรกเกิด หากคุณพ่อคุณแม่ของคุณเคยมีปัญหาภาวะเหงือกร่น คุณเองก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ให้ลองสังเกตจากบรรพบุรุษของคุณดูก่อน เพื่อที่จะหาทางป้องกันให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้กับตัวคุณ
3 ตำแหน่งฟันที่ผิดปกติ
ปัญหาในเรื่องของตำแหน่งฟันที่ผิดปกติก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาเหงือกร่น เนื่องจากการที่ฟันผิดปกติจะทำให้การเรียงตัวของฟันไม่ต่อกันอย่างพอดี ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเหงือกร่นได้เช่นเดียวกัน
4 นอนกัดฟัน
สำหรับใครที่มีปัญหาการนอนกัดฟัน ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้สามารถเกิดภาวะเหงือกร่นได้อีกหนึ่งปัจจัย เพราะการที่ฟันและเหงือกถูกกัดขบอย่างแรงในช่วงเวลาการนอนหลับ อาจจะเป็นสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ จึงควรที่จะแก้ไขปัญหาการนอนกัดฟันเพื่อป้องกันปัญหาเหงือกร่นที่จะตามมาในอนาคต
จากที่กล่าวไว้ข้างต้นก็จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายปัญหาที่ทำให้เกิดอาการเหงือกร่น ซึ่งทุกปัญหาสามารถมีการรักษาได้ การรักษาภาวะเหงือกร่นสามารถใช้วิธีการได้ ดังต่อไปนี้
ในช่วงเริ่มต้นของการเกิดภาวะเหงือกร่น ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีการง่ายๆให้คุณสามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันหรือลดภาวะการเกิดอาการเหงือกร่นได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเลือกแปรงสีฟันขนนุ่ม เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนาดเหมาะสมไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป การใช้ยาสีฟันที่มีผงขัดที่ละเอียดไม่หยาบจนเกินไป การฝึกวิธีการแปรงฟันอย่างถูกวิธีเพื่อที่จะไม่ไปกระทบให้เหงือกนั้นร่นลงไปสู่รากฟัน การใช้ไหมขัดฟันหลังการแปรงฟันอย่างถูกวิธี รวมไปถึงการนวดเหงือกเบาๆด้วยปลายนิ้วอย่างถูกวิธี ซึ่งการนวดนี้สามารถช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดในบริเวณเหงือก มีผลทำให้เหงือกมีสุขภาพที่ดีขึ้น และลดปัญหาเหงือกร่นได้เช่นกัน
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้อาการเหงือกร่นของคุณได้รับการบรรเทาและมีอาการที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตาม หากภาวะเหงือกร่นที่คุณเป็นอยู่มีความรุนแรง ทันตแพทย์ก็จำเป็นที่จะต้องมีการรักษาโดยอาจจะแนะนำให้คุณเริ่มต้นจากการขูดหินปูนหรือเกลารากฟัน รวมไปถึงอาจจะต้องมีการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา รวมไปถึงการปลูกถ่ายเหงือกในกรณีที่จำเป็นที่จะต้องทำ
การดูแลช่องปากเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหารเพียงเท่านั้น แต่มันยังส่งเสริมบุคลิกภาพให้คุณดูดีได้ด้วย
ปัญหาเหงือกร่น เป็นเพียงแค่หนึ่งในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับช่องปากเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้หากคุณมีการดูแลตัวเองได้ไม่ดีเพียงพอ ซึ่งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับช่องปากของคุณสามารถจะลดลงได้ หากคุณเปลี่ยนแปลงวิธีการในการดูแลตัวเองให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
