ลูกเป็นสาวก่อนวัย ภัยที่พ่อแม่ต้องดูแล
เด็กสมัยนี้โตไวกว่าเด็กสมัยก่อนค่อนข้างมาก ซึ่งมีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้การเจริญเติบโตของเด็กเล็ก เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็นในอดีต สาเหตุสำคัญเหล่านี้มีทั้งที่เป็นสาเหตุมาจากภายในและสาเหตุมาจากภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองหรือพ่อแม่ทุกคนจำเป็นต้องรู้เอาไว้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ลูกของคุณมีภาวะการโตก่อนวัยอันควร อาจจะเป็นสาเหตุหรือเป็นภัยต่อลูกของคุณได้หากไม่ได้รับการดูแลหรือรักษาอย่างถูกวิธี
การที่เด็กผู้หญิงเริ่มมีสัญญาณความเป็นสาวก่อนอายุ 8 ขวบ เช่น เริ่มมีหน้าอก ตัวสูงอย่างรวดเร็ว มีตกขาว มีสิว เป็นต้น ส่วนเด็กชายเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ก่อนอายุ 9 ขวบ เช่น เสียงแตกหนุ่ม เริ่มมีหนวด เป็นต้น ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าเด็กคนนั้นกำลังจะเติบโตเป็นวัยรุ่น

หลายครั้งที่พ่อแม่จะรู้สึกกังวลใจที่เห็นว่าพัฒนาการของลูกเติบโตไวกว่าเพื่อนร่วมชั้นในวัยเดียวกัน และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีความผิดปกติจากอะไร ควรที่จะปล่อยไปตามธรรมชาติ หรือเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเด็กหญิงที่การโตก่อนวัยอาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพได้
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ลูกของคุณนั้นโตเร็วกว่าวัยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่
สาเหตุจากปัจจัยภายใน
โดยปกติของมนุษย์ทุกคน ในร่างกายจะมีฮอร์โมนที่หลั่งมาจากต่อมใต้สมองที่ช่วยในการควบคุมการเจริญเติบโต ซึ่ง็มีชื่อว่าโกรทฮอร์โมนและฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมน 2 ตัวนี้จะผลิตออกมาตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้มนุษย์สามารถที่จะเจริญเติบโตเปลี่ยนจากเด็กไปเป็นวัยรุ่นและเป็นผู้ใหญ่ตามเวลาที่ควรจะเป็น แต่หากว่าเด็กคนนั้นมีความผิดปกติของระบบบางประการ เช่น เป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือเคยถูกกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุบางอย่าง รวมไปถึงการผ่าตัดฉายแสงที่สมอง ก็อาจจะทำให้ต่อมใต้สมองเกิดความผิดปกติ ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนออกมาที่ผิดปกติตามไปด้วย นำพาให้เกิดการผลิตฮอร์โมนเพศที่อาจจะเร็วขึ้นหรือช้าลงจนเกินไป จนเกิดเป็นการเติบโตที่ไม่ตรงตามวัยนั่นเอง
ทั้งนี้ ยังมีการสันนิษฐานว่า…ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดเป็นโรคการเป็นสาวก่อนวัยอันควรได้ เนื่องมาจากสารตั้งต้นของการสร้างฮอร์โมนเพศก็คือคอเลสเตอรอลนั่นเอง
สาเหตุจากปัจจัยภายนอก
ปัจจัยภายนอกอาจจะเกิดมาจากการรับประทานวิตามินหรือยาบางประเภท ที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเพศ จนทำให้เด็กดูโตกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน อีกทั้งอาจจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันภายในร่างกายเด็กที่มากขึ้นได้ด้วย
นอกจากนี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับภาวะโภชนาการด้วยเช่นเดียวกัน โดยพบว่าเด็กที่มีน้ำหนักมากจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ได้เร็วกว่าเด็กที่ผอมหรือมีน้ำหนักตัวน้อย ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาวะประจำเดือนที่ผิดปกติได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
นอกจากสาเหตุในข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว เด็กบางคนก็มีพัฒนาการที่โตกว่าวัยที่ควรจะเป็นโดยที่ไม่ทราบสาเหตุอย่างแน่ชัดเช่นเดียวกัน

หลังจากทราบถึงสาเหตุของการโตก่อนวัยไปแล้ว ผลเสียของมันจะรุนแรงมากแค่ไหน
1 ปัญหาทางด้านร่างกาย
สำหรับปัญหาทางด้านร่างกาย เด็กที่มีการโตเป็นสาวก่อนวัยอาจจะทำให้มีความสูงที่น้อยกว่าเด็กปกติ เพราะเมื่อฮอร์โมนผู้หญิงทำงานเร็ว ก็จะกระตุ้นให้กระดูกหยุดโตได้เร็วกว่าเด็กทั่วๆไป ดังนั้น ระยะเวลาในการเจริญเติบโตจึงสั้นกว่าคนทั่วไปและอาจจะมีผลทำให้เด็กคนนั้นตัวเตี้ยกว่าเด็กปกติอื่นๆเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
2 ปัญหาในด้านจิตใจ
ส่วนปัญหาในด้านจิตใจ ก็อาจจะทำให้เด็กรู้สึกอับอายเพราะโดนเพื่อนล้อ หรือรู้สึกว่าแปลกหรือแตกต่างไปจากเพื่อนคนอื่นๆ
3 ปัญหาโรคมะเร็ง
การที่เด็กผู้หญิงโตเร็วกว่าวัยที่ควรจะเป็น ยังมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้ด้วย โดยมีข้อสันนิษฐานทางการแพทย์พบว่า การที่เด็กมีเต้านมขึ้นเร็ว จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น เนื่องมาจากเนื้อเยื่อเต้านมถูกกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศหญิงในเวลาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงในการที่ภาวะเซลล์เนื้อเยื่อจะผิดปกติได้
4 ปัญหาจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อร่างกายของเด็กโตเกินวัยกว่าปกติอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงจากการที่เด็กคนนั้นจะถูกรังแกหรือข่มเหงทางเพศจากบุคคลภายนอกอื่นๆได้ และนำมาสู่ปัญหาการตั้งท้องในวัยที่ยังไม่พร้อมตามมาได้
สำหรับการรักษจะต้องมีการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุก่อนว่าการที่เด็กโตเป็นสาวเร็วก่อนวัยมีสาเหตุมาจากอะไร เช่น อาจจะมีการเอ็กซเรย์ดูอายุของกระดูก หรืออัลตร้าซาวด์รังไข่ เป็นต้น จากนั้นก็จะมีการรักษาเพื่อชะลอการเข้าสู่วัยสาวด้วยการฉีดยาเพื่อยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง เป็นต้น
ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะดูแลเด็กๆไม่ให้โตก่อนวัยอันควรได้ด้วยวิธีการเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็น การจัดหาโภชนาการให้ลูกอย่างเหมาะสม การควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากจนเกินไป หรือการคอยตรวจดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นในตัวลูก หากคุณพ่อคุณแม่มีเวลาใส่ใจในเรื่องแบบนี้ ก็เชื่อว่าคุณจะสามารถเห็นความผิดปกติของลูกได้เร็วก่อนใคร และสามารถที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ก่อนที่จะสายเกินไป