กินก๋วยเตี๋ยวเสี่ยงรับสารกันบูดจริงหรือ

หากพูดถึงอาหารยอดฮิตของคนไทย หนึ่งในนั้นจะต้องมีเมนูก๋วยเตี๋ยวอยู่ในใจของคนไทยอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าก๋วยเตี๋ยวจะไม่ได้เป็นอาหารประจำชาติของคนไทยมาตั้งแต่ในอดีต แต่เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก๋วยเตี๋ยวก็ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะกินเป็นมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น ก็สามารถที่จะรับประทานก๋วยเตี๋ยวกันได้ในทุกๆมื้อ

สำหรับก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทย ก็ถือว่ามีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรสชาติที่หลากหลายมากขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก หรือก๋วยเตี๋ยวรสหมาล่า ก็ล้วนถูกพัฒนาขึ้นมามากมายตามยุคสมัยต่างๆ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในก๋วยเตี๋ยว ก็คือ เส้นก๋วยเตี๋ยว นั่นเอง ซึ่งก็มีหลากหลายรูปแบบให้คนที่ชอบทานเส้นได้เลือกรับประทาน

แต่รู้หรือไม่ว่า? การที่เรารับประทานก๋วยเตี๋ยวกันบ่อยๆมีโอกาสที่จะทำให้เราได้รับสารกันบูดเข้าไปในร่างกายได้มากขึ้น ซึ่งความแตกต่างของเส้นก๋วยเตี๋ยวแต่ละชนิดก็แปรผันกันไปกับปริมาณสารกันบูดที่ร่างกายมีโอกาสได้รับ ในวันนี้…เราจะมาให้ความรู้กันว่าการรับประทานเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบไหนที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้ได้รับสารกันบูดมากกว่ากัน มาลองดูกันค่ะ

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมในเส้นก๋วยเตี๋ยวจะต้องมีการใส่สารกันบูดเข้าไปด้วย เหตุผลก็เพราะว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวด้วยส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากข้าว ซึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่ที่ขายกันอยู่ในท้องตลาดจะเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวสด ซึ่งมีอายุการเก็บสั้น โดยเฉพาะในสภาวะอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยแล้ว ยิ่งมีผลทำให้เส้นก๋วยเตี๋ยวเหล่านั้นเสื่อมเสียได้ง่ายกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตจึงมีการเติมสารกันบูดลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นก๋วยเตี๋ยวนั้นเสื่อมเสียเร็วจนเกินไป และเพื่อเป็นการยืดอายุของเส้นก๋วยเตี๋ยวให้สามารถจำหน่ายได้ในเวลาที่นานมากขึ้น

ทั้งนี้ สารกันบูดที่นิยมใช้ในเส้นก๋วยเตี๋ยวจะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้สารที่นิยมก็คือ กรดเบนโซอิก โดยกฎหมายได้กำหนดเอาไว้ว่าอนุญาตให้ใช้โซเดียมเบนโซเอตได้ในปริมาณไม่เกิน 1000 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัมอาหาร หากมีการเติมมากกว่านั้นจะถือว่าผู้ผลิตทำผิดกฎหมาย ต้องได้รับโทษที่บัญญัติเอาไว้

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม้จะมีโทษกำหนดเอาไว้แล้วว่าห้ามมีการใส่สารกันบูดลงในเส้นก๋วยเตี๋ยวเกินมาตรฐาน แต่จากการสุ่มตรวจก็ยังพบว่ายังมีเส้นก๋วยเตี๋ยวจากหลากหลายบริษัทที่พบปริมาณของโซเดียมเบนโซเอตเกินมาตรฐาน ซึ่งเป็นเหตุผลมาจากการที่ผู้ผลิตนั้นใส่สารกันบูดลงมามากจนเกินไปนั่นเอง

เมื่อเรารับประทานเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีการใส่สารกันบูดในปริมาณสูงๆ เป็นระยะเวลานานๆ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลง หรืออาจจะก่อให้เกิดโรคร้ายๆในอนาคตได้

ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักคณะกรรมการอาหารและยา เคยลงไปสำรวจเส้นก๋วยเตี๋ยวตามท้องตลาดและพบว่าในเส้นก๋วยเตี๋ยวนั้นมีสารกันบูดเกินมาตรฐานเป็นอย่างมาก ทั้งนี้พบว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีปริมาณสารกันบูดมากที่สุด ได้แก่เส้นเล็ก ตามมาด้วยเส้นหมี่ เส้นก๋วยจั๊บ เส้นบะหมี่โซบะ และเส้นใหญ่ ส่วนเส้นที่ไม่พบสารกันบูดเลย ได้แก่ บะหมี่เหลืองและวุ้นเส้น ซึ่งน่าจะมีเหตุผลมาจากการที่เส้นก๋วยเตี๋ยว 2 ชนิดนี้ไม่ได้มีส่วนประกอบของข้าวเจ้าเป็นหลัก และมีกรรมวิธีในการผลิตที่แตกต่างจากเส้นที่ผลิตจากข้าวเจ้าข้างต้น

แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วกรดเบนโซอิกจะเป็นสารที่สามารถที่จะถูกขับออกจากร่างกายได้ทางปัสสาวะ และถูกประเมินแล้วว่าเป็นสารที่มีความเป็นพิษต่อคนและสัตว์น้อยมาก จึงอนุญาตให้นำมาใช้ในการยืดอายุอาหารในเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ อีกทั้งเมื่อนำเส้นก๋วยเตี๋ยวไปผ่านความร้อนด้วยการลวก ก็จะทำให้สารตัวนี้สลายไปได้เมื่อถูกความร้อน ซึ่งก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

แต่การที่เรายังสารกันบูดตัวนี้ใส่เกินมาตรฐาน ถึงแม้ว่าจะมีการสลายตัวไปบ้างจากความร้อน แต่ก็จะมีโอกาสที่จะยังคงมีสารกันบูดบางส่วนที่ยังตกค้างในร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าย่อมจะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคในระยะยาว

ได้อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ไม่อยากให้ทุกท่านเกรงกลัวต่อการรับประทานเส้นก๋วยเตี๋ยว เพราะถึงแม้ว่าเรายังสามารถพบสารกันบูดอยู่ในเส้นก๋วยเตี๋ยวในท้องตลาดทั่วๆไปได้ แต่ก็ยังมีกระบวนการหรือวิธีในการที่จะกำจัดมัน แถมร่างกายก็ยังสามารถขับมันออกไปได้เองหากรับประทานเข้าไปในร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดเพื่อที่จะเกิดความปลอดภัยต่อร่างกายที่สุด ก็คือ ไม่ควรที่จะบริโภคเส้นก๋วยเตี๋ยวเหล่านี้มากจนเกินไป หรือบริโภคก๋วยเตี๋ยวตลอดในทุกๆวัน เพราะยิ่งทานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการสะสมสารกันบูดในร่างกายให้เพิ่มมากขึ้นได้

การรับประทานอาหารให้ปลอดภัยนอกจากจะต้องพิจารณาถึงสารอาหารที่อยู่ในนั้นแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึงสารอื่นๆที่อาจจะเป็นพิษต่อร่างกายด้วย พยายามหลีกเลี่ยงและควบคุมการบริโภคของคุณให้หลากหลาย ก็จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้การบริโภคอาหารมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น