ออกกำลังกายตอนไหนได้ผลสุด
เมื่อเราอยากมีร่างกายที่แข็งแรง การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เพราะเมื่อเรา ต้องการที่จะเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการขยับร่างกายด้วยการออกกำลังกายด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีการออกกำลังกายให้คุณได้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง การว่ายน้ำ การเข้าฟิตเนส การเล่นกีฬา หรือการเต้นแอโรบิค ก็ล้วนแต่เป็นการออกกำลังกายทั้งสิ้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีคำถามอยู่ว่าหากต้องการให้การออกกำลังกายได้รับผลประโยชน์สูงสุด ควรที่จะออกกำลังกายในช่วงเวลาไหนดี แต่ละช่วงเวลาของการออกกำลังกายจะมีข้อดีและข้อเสียที่ส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง วันนี้เราสรุปข้อมูลต่างๆเหล่านั้นมาให้คุณได้รับรู้กันค่ะ
1 การออกกำลังกายในช่วงเวลาเช้า
หลายคนชอบที่จะตื่นเช้าขึ้นมาแล้วออกกำลังกาย ก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานหรือไปเรียนหนังสือ เพราะเชื่อว่าการออกกำลังกายช่วงเช้าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลากลางคืน แถมการออกกำลังกายช่วงเช้าก็มีอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไปด้วย
สำหรับข้อดีของการออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ ก็คือ การออกกำลังกายช่วงเช้าจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างต่อเนื่องไปตลอดทั้งวัน อีกทั้ง ยังเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีความกระปรี้กระเปร่า ร่างกายตื่นตัว และพร้อมสำหรับการทำงานในวันใหม่
การออกกำลังกายในช่วงเช้าจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายให้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกมีความสุขและสดชื่นไปได้ตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ แสงแดดในยามเช้ายังเป็นแสงแดดที่ดีต่อร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีนำไปใช้บำรุงร่างกายได้อีกด้วย
สุดท้ายแล้วการออกกำลังกายในช่วงเช้าถือเป็นช่วงเวลาที่มีสิ่งเร้ารบกวนค่อนข้างน้อย จึงทำให้คุณสามารถทำกิจกรรมนี้ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่มีอะไรมาแทรกระหว่างทาง ซึ่งก็ย่อมทำให้ผลของการออกกำลังกายดีกว่าการออกกำลังกายในช่วงเวลาอื่นๆ
ส่วนข้อเสียก็คือ หากคุณมีการนอนหลับพักผ่อนในช่วงเวลากลางคืนไม่เพียงพอ แต่ต้องตื่นเช้ามาออกกำลังกาย ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าเดิม แล้วทำให้เกิดไม่มีแรงไปตลอดทั้งวันได้
อีกหนึ่งสิ่งก็คือ ในช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ระบบไหลเวียนน้อย ส่งผลให้ร่างกายอาจจะออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่เท่ากับการออกกำลังกายในช่วงเวลาอื่นๆ อาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้มากกว่าด้วย

2 การออกกำลังกายในช่วงกลางวันถึงบ่าย
หากคุณเลือกที่จะออกกำลังกายในช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะทำงานได้อย่างเต็มที่ และระบบการทำงานต่างๆก็ฟื้นตัวจากการพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งจะมีข้อดีก็คือจะทำให้คุณสามารถที่จะออกกำลังกายได้มากกว่าการออกกำลังกายในช่วงเช้า มีการไหลเวียนของเลือดที่สูงกว่าระดับปกติ ที่สำคัญยังช่วยลดอาการอยากอาหารมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นได้ด้วย
การออกกำลังกายในช่วงบ่ายจะทำให้คุณลดอาการง่วงเหงาหาวนอนกลางวันได้ดี ช่วยคลายเครียด ทั้งนี้ การออกกำลังกายในช่วงบ่ายไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการอบอุ่นร่างกายมาก เนื่องมาจากอุณหภูมิของร่างกายอบอุ่นเพียงพออยู่แล้วร่างกาย จึงมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นได้มากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ
ในขณะเดียวกันข้อเสียของการออกกำลังกายในช่วงนี้ อาจจะมีปัญหาสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากช่วงบ่ายจะเป็นช่วงเวลาที่อากาศร้อนมากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ซึ่งอาจจะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการออกกำลังกายลดลง
ที่สำคัญก็คือ ระหว่างออกกำลังกาย คุณอาจจะถูกแทรกในกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาการออกกำลังกายที่คุณมีอยู่นั้นค่อนข้างจำกัดหรือไม่เต็มที่ ระยะเวลาอาจจะไม่ยาวนานเท่ากับช่วงอื่น
3 การออกกำลังกายตอนเย็นหรือค่ำ
ถือเป็นช่วงเวลายอดนิยมสำหรับคนที่มีภารกิจในช่วงเวลาเช้าหรือกลางวัน คุณก็มักจะใช้เวลาที่ว่างหลังจากการเลิกงานหรือเลิกเรียนในการออกกำลังกาย ซึ่งข้อดีของการออกกำลังกายช่วงนี้ ก็คือ คุณจะมีพลังงานมากกว่าการออกกำลังกายช่วงอื่น เนื่องจากมีการรับประทานอาหารเข้าไปอย่างเพียงพอแล้ว ทำให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ มีความเสี่ยงในการบาดเจ็บน้อยที่สุด และช่วยลดความอยากอาหารในมื้อเย็นได้

ส่วนข้อเสียของการออกกำลังกายในช่วงเย็น อาจจะทำให้ร่างกายของคุณตื่นตัวและนอนหลับได้ยาก ยิ่งหากคุณออกกำลังกายใกล้กับช่วงเวลาขาดการเข้านอน อาจจะมีผลต่อการนอนไม่หลับได้เลย
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การออกกำลังกายในช่วงค่ำนั้นจะมีสถานที่ที่ค่อนข้างจำกัด คุณอาจจะไม่สามารถออกไปออกกำลังกายกลางแจ้งได้ เนื่องจากท้องฟ้ามืดแล้วจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
จะเห็นได้ว่าการออกกำลังกายในช่วงเวลาต่างๆก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ไม่ได้มีช่วงเวลาใดที่ดีที่สุดและไม่มีช่วงเวลาใดที่แย่ที่สุด เพียงแต่คุณต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง และความพร้อมของคุณด้วย เพราะอย่างน้อยกันได้ออกไปออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน ก็น่าจะดีกว่าการที่ ไม่ออกกำลังกายเสียเลย อยู่ดี