น้ำตาล หรือ เกลือ อันไหนร้ายกว่ากัน
ทุกวันนี้…การดูแลสุขภาพเรื่องอาหารการกินถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรที่จะทำ เพื่อที่จะทำให้สุขภาพร่างกายของเรามีความแข็งแรง จะต้องมีการควบคุมโภชนาการอาหารให้เหมาะสม รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบางประเภทที่อาจมีผลเสียทำลายสุขภาพ
หนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ตัวการทำลายสุขภาพ” ที่ทุกคนรู้จักกันอย่างกว้างขวางก็คือ ‘น้ำตาล’ และ ‘เกลือ’ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักๆของอาหารเกือบทุกๆจาน
ในส่วนของน้ำตาลก็เป็นที่มาของการเกิดโรคเบาหวาน โรคอ้วน ส่วนเกลือก็จะทำให้มีผลต่อความดันโลหิตหรือโรคหัวใจ ทั้งสองส่วนนี้ล้วนแต่เป็นส่วนผสมหรือเป็นองค์ประกอบในอาหารที่จะปรุงรสให้รสชาติดีมากขึ้น แต่หากมีการปรุงแต่งมากเกินไปก็ย่อมเกินความเสี่ยงที่มากขึ้น
แล้วอันไหนที่มันมีความน่ากลัวและจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงมากกว่ากัน วันนี้…เราจะมาเรียนรู้ถึงอันตรายของน้ำตาลและเกลือให้มากขึ้นกันค่ะ
ถึงจะบอกว่าสารทั้งสองตัวนี้เป็นสิ่งที่มีอันตรายต่อร่างกาย แต่จริงๆแล้วร่างกายก็ยังจำเป็นที่จะต้องได้รับมันเข้าไปในร่างกาย แต่จะต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในทุกๆครั้งเราอาจจะไม่สามารถตอบได้ว่าปริมาณที่เราได้รับเข้าไปเหมาะสมหรือไม่ มากเกินไปเท่าไหร่ หรือน้อยเกินไปเท่าไหร่ ทำให้กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกิดเป็นปัญหาสุขภาพเข้าแล้ว
เราจะขอยกตัวอย่างถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่เรารับประทานน้ำตาลเข้าไปในร่างกายกันก่อนว่าปัญหานั้นคืออะไรบ้าง

น้ำตาล เป็นองค์ประกอบอยู่ในอาหารธรรมชาติหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้ น้ำผึ้ง หรือพืชผลทางการเกษตร ซึ่งแต่ละอย่างแต่ละชนิดก็จะมีปริมาณน้ำตาลที่ไม่เท่ากัน นอกจากนี้ ยังสามารถพบน้ำตาลได้จากการที่เราตั้งใจที่จะเติมลงไปในเครื่องดื่มหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม กาแฟ น้ำผลไม้ต่างๆ ่รวมไปถึงขนมหรืออาหารจานโปรด ซึ่งการมีความหวานจากน้ำตาลก็ใส่ลงไปเพื่อให้อาหารมีรสชาติที่ดีมากขึ้น อร่อยขึ้น และเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนที่ชอบทานหวาน
แต่ไม่ว่าคุณจะรับประทานน้ำตาลประเภทไหน ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลที่ไม่ผ่านการขัดสี น้ำเชื่อม หรืออะไรก็ตาม ก็ต่างให้ประโยชน์ต่อร่างกายไม่แตกต่างกัน นั่นก็คือ การเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นผลให้ร่างกายมีการผลิตอินซูลินออกมาเพื่อที่จะควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
กระบวนต่างๆนี้จะไม่มีปัญหาเลยหากอินซูลินทำงานได้อย่างปกติ แต่ในกรณีของคนที่มีความผิดปกติของการทำงานของอินซูลิน ก็จะทำให้ไม่สามารถที่จะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ จนพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานและมีความเสี่ยงในการที่จะเป็นโรคอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ต้อหิน โรคไต โรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน อีกทั้งเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลมากจนเกินไป ก็จะมีผลต่อระบบย่อยและดูดซึมอาหารของร่างกายด้วย

ในส่วนของการรับประทานเกลือที่มากเกินไป ก็จะส่งผลต่อระบบสมดุลของของเหลวในร่างกาย สิ่งที่จะได้รับเมื่อรับประทานเกลือในปริมาณมากก็คือโซเดียม โดยโซเดียมมีหน้าที่ในการควบคุมระดับของของเหลวในร่างกาย เมื่อเรามีโซเดียมที่มากเกินไป ของเหลวในร่างกายก็จะแปรปรวน และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดอุดตัน หรือโรคไตได้
ความร้ายแรงของเกลือไม่ได้ทำร้ายแค่เพียงหลอดเลือดหัวใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อหลอดเลือดสมองอีกด้วย อาจทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมหรือสมองขาดเลือด ซึ่งจะทำให้การทำงานของสมองไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น
หากคุณยังคงมีพฤติกรรมการบริโภคเกลือที่มากเกินไป อันตรายที่เกิดจากความดันโลหิตสูงจะพัฒนาไปเป็นอาการหลอดเลือดสองแตกหรืออุดตัน ทำให้เลือดไม่สามารถส่งออกซิเจนและสารอาหารไปถึงสมองได้ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถทำงานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมของสมองบางส่วนได้ในที่สุด
จะเห็นว่าปัญหาของการบริโภคเกลือที่มากเกินไปก็รุนแรงไม่แพ้กับการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปเลย และหากคุณรับประทานอาหารที่มีทั้งปริมาณน้ำตาลสูงและเกลือสูงในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ก็แน่นอนว่าคุณจะได้รับผลเสียคูณสองจากการรับประทานน้ำตาลและเกลือ และก็แน่นอนว่าจะเป็นอันตรายที่มากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการรับประทานน้ำตาลและเกลือยังสามารถทำได้ แต่จะต้องควบคุมให้อยู่ในปริมาณปกติที่ไม่มากและน้อยจนเกินไป ซึ่งเราสามารถตรวจหาปริมาณที่ควรรับประทานต่อวันได้จะข้อมูล Thai rdi ซึ่งเป็นปริมาณที่เราควรรับประทานต่อวัน หรือจากฉลากของสินค้าที่มีระบุไว้ว่าปริมาณอาหารที่รับประทานต่อ 1 หน่วยบริโภค จะได้รับน้ำตาลและเกลือไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว เพื่อที่เราจะได้สามารถวางแผนและควบคุมการรับประทานอาหารของเราในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการบริโภคเกลือหรือน้ำตาลอาจจะไม่ได้แสดงออกภายในทันที โดยคุณอาจจะยังคงมีร่างกายที่แข็งแรง หรืออาจจะมีแค่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ปัญหาจะรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อมีปัจจัยอื่นเข้ามามีส่วนร่วม และจะแก้ไขได้ยากเมื่อปล่อยไว้นานวันเข้า
เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือ การพยายามควบคุมตัวเองตั้งแต่วันนี้ หันมารับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์เพื่อตัวเองกันดีกว่าค่ะ