เลือกเติมคาเฟอีนเพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย
หากในทุกเช้าเราตื่นขึ้นมาพร้อมกับการได้รับสารกระตุ้นเพื่อทำให้ร่างกายตื่นตัว สดชื่น กระปรี้กระเปร่าในทุกวัน โดยไม่ต้องเหงาหาวนอนก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เรามีความตื่นตัวที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ทั้งวันได้อย่างมีความสุข และยังจะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การออกกำลังกาย การใช้ชีวิต หรืออะไรต่างๆอีกมากมายได้เป็นอย่างดี
หากพูดถึง…คาเฟอีน…ก็ถือว่ามีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่รูปแบบไหนที่จะเป็นประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายมากที่สุด แล้วเราควรที่จะรับประทานคาเฟอีนในปริมาณเท่าไหร่ต่อหนึ่งวัน เพื่อที่จะให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นจากที่เหมาะสม
ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้รูปแบบ และประโยชน์ของการได้รับคาเฟอีนกัน
ต้องบอกก่อนว่าคาเฟอีน เป็นสารตัวหนึ่งที่สามารถรับได้จากหลากหลายรูปแบบ คาเฟอีนมีอยู่ในอาหารมากมายหลายชนิด ซึ่งส่วนประกอบของคาเฟอีนในแต่ละอาหารหรือเครื่องดื่มก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
โดยทั่วไป…คาเฟอีนถือเป็นสารสำคัญที่พบได้ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในเมล็ดกาแฟ ใบชา โกโก้ โคล่า ซึ่งล้วนแต่ี่เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มที่แสนอร่อย และเป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่มสาวหรือคนในวัยทำงานมากมาย
สารประกอบตัวนี้เป็นสารที่มีหน้าที่ยับยั้งสารสื่อประสาทตัวหนึ่ง จึงมีผลทำให้เราหายง่วงนอนได้ นอกจากที่เราสามารถพบคาเฟอีนในอาหารธรรมชาติต่างๆได้แล้ว ก็ยังมีการสกัดเอาคาเฟอีนสังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อที่จะเติมลงไปในอาหารหลายๆอย่าง เพื่อทำให้ร่างกายมีความตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าได้เช่นเดียวกัน
คาเฟอีนที่มาจากธรรมชาติและคาเฟอีนที่ผ่านการสังเคราะห์ขึ้นมาจะมีความแตกต่างกันอย่างไร ลองมาดูข้อมูลกันได้เลยค่ะ

ก่อนอื่นมาพูดถึงประโยชน์ของคาเหอีนจากธรรมชาติกันก่อน
แน่นอนว่าเมื่อเราได้รับคาเฟอีนจากธรรมชาติเข้าไป จะทำให้เรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า รู้สึกมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น และสามารถที่จะโฟกัสกับงานที่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การได้รับคาเฟอีนจากธรรมชาติจะทำให้เราสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม นั่นหมายความว่าจะทำให้เราเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน และทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าคาเฟอีนที่เราได้รับนั้นจะต้องไม่ได้มาพร้อมกับน้ำตาลที่มากจนเกินไปด้วย เพราะหากเรารับประทานกาแฟที่อุดมไปด้วยคาเฟอีนแลี่ะมีการใส่น้ำตาลหรือนมข้นหวานมากจนเกินไป ถึงจะได้รับคาเฟอีนเท่าไหร่ก็คงจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ไม่หมดแน่ๆ
นอกจากนี้ คาเฟอีนยังช่วยทำให้เรามีความฟิตในการออกกำลังกายได้มากขึ้น วิธีที่แนะนำ คือ ให้ลองดื่มกาแฟก่อนการออกกำลังกายประมาณ 30-60 นาที ก็จะทำให้ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกายได้ เหตุผลเพราะคาเฟอีนในกาแฟจะช่วยเพิ่มความทนทานต่อการเหนื่อยล้า และทำให้เราสามารถออกกำลังกายได้ทนหรือนานมากขึ้น และหากเป็นกาแฟที่ผสมนมเข้าไปด้วย โปรตีนจากน้ำนมก็จะทำให้เรารู้สึกอิ่ม และเป็นแหล่งพลังงานที่นำไปใช้ในการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม คาเฟอีนมีผลอย่างยิ่งต่อการหลั่งของฮอร์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและใจสั่นได้ ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกกระวนกระวายใจหรือหงุดหงิดใจ ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อเราได้รับคาเฟอีนมากกว่าในระดับปกติที่เคยได้รับ

พูดถึงปริมาณที่เหมาะสมในการได้รับคาเฟอีนจากธรรมชาติในแต่ละวันแล้ว พบว่าผู้ใหญ่สามารถรับประทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนได้ไม่เกินวันละ 300-400 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับกาแฟปกติละ 4 แก้ว เวลาดื่มที่เหมาะสมให้สุด คือ การดื่มหลังตื่นนอนประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมามาก การดื่มกาแฟในช่วงนี้จะทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ดีมากที่สุด หรือถ้าใครสะดวกที่จะดื่มกาแฟในช่วงบ่ายก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่ความตื่นตัวนั้นอาจจะลดลง อย่างไรก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟก่อนเวลานอนอย่างน้อย 4 ถึง 6 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้คาเฟอีนเข้าไปรบกวนการนอนหลับของคุณ
นอกจากคาเฟอีนจากธรรมชาติแล้วก็ยังมีคาเฟอีนสงเคราะห์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบในเครื่องดื่มชูกำลังหรือน้ำอัดลม ซึ่งสาเหตุของการคิดค้นคาเฟอีนสังเคราะห์ขึ้นมาก็เป็นเพราะความต้องการในการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนนั้นมากขึ้น ประกอบกับต้นทุนของคาเฟอีนธรรมชาติก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดเป็นการคิดค้นคาเฟอีนสังเคราะห์ขึ้นมา
คาเฟอีนสังเคราะห์จะสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วกว่าคาเฟอีนจากธรรมชาติด้วย ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับประทานคาเฟอีนสังเคราะห์เข้าไปก็จะทำให้เกิดผลในการกระตุ้นร่างกายได้รวดเร็วและรุนแรงมากกว่า จนอาจจะทำให้เกิดอาการใจสั่น มือสั่น หัวใจเต้นเร็วได้ง่ายกว่าการดื่มคาเฟอีนที่มาจากธรรมชาติ
รู้แบบนี้แล้วหากใครต้องการที่จะรับคาเฟอีนเพื่อบำรุงร่างกาย ก็แนะนำให้เป็นคาเฟอีนที่มาจากธรรมชาติจะดีกว่า เพราะจะไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อการใจสั่น และยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายโดยมีความอันตรายที่ต่ำกว่า
อย่างไรก็ตาม ต้องควบคุมปริมาณการได้รับคาเฟอีนให้เหมาะสมในแต่ละวัน อย่ารับประทานเพียงเพราะความอร่อยหรือรับประทานเมื่อต้องการที่จะทำงานให้ได้นานๆตลอดทั้งวันทั้งคืน เพราะในระยะยาวแล้วคุณจะได้รับผลเสียจากมันอย่างแน่นอน