นมแม่ดีที่สุด
น้ำนมแม่ถือเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญที่สุดของทารกที่จะทำให้ทารกได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ เพราะน้ำนมแม่ประกอบไปด้วยสารอาหารต่างๆที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเด็กทารก ช่วยในการป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งสารอาหารและสารบางอย่างที่จะทำให้ลูกน้อยมีความแข็งแรง
ที่สำคัญไปกว่านั้น…น้ำนมแม่ยังเป็นของที่ไม่มีต้นทุน และจะหลั่งออกมาหลังจากที่คุณแม่ได้มีการคลอดลูกแล้วโดยอัตโนมัติ

สำหรับคุณแม่ยุคใหม่ในปัจจุบันนี้อาจจะมีความกลัวว่าการให้นมลูกจะส่งผลบางอย่างต่อสรีระของตัวเอง หรือคิดว่าตนเองมีสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์มากเพียงพอที่จะให้น้ำนม จนทำให้ละเลยการให้นมบุตร ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้ลูกของคุณอ่อนแอและป่วยเป็นโรคต่างๆได้ง่าย
ในวันนี้…เราจะมาเรียนรู้กันว่าน้ำนมแม่สำคัญมากขนาดไหน แล้วทำไมเด็กทารกจะต้องดื่มนมจากเต้าของแม่ด้วย
การให้นมลูกมีประโยชน์มากมายหลายประการตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ซึ่งเป็นการที่จะทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดีให้ร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีผลประโยชน์ดีๆที่คุณแม่ก็สามารถได้รับเช่นเดียวกัน
การให้นมลูกเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคมะเร็งรังไข่และโรคมะเร็งเต้านมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก่อนวัยอันควร คุณแม่ทุกคนจึงควรที่จะให้นมลูกภายหลังจากมีการคลอดลูกไปแล้ว โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีแนวโน้มของการเป็นโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ หากมีการให้นมลูกหลังจากที่คลอดออกมาก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานหลังจากคลอดลูกได้ด้วย
คุณแม่ยังได้รับประโยชน์อื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็นการที่จะทำให้คุณแม่มีน้ำหนักกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วมากขึ้น และช่วยให้ขนาดของมดลูกกลับมาเป็นปกติได้รวดเร็ว รวมถึงการลดระยะเวลาการตกเลือดหลังคลอดได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่เกิดขึ้นจากการที่แม่ให้นมบุตร ไม่ว่าจะเป็น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่ลูก เป็นการส่งต่อถึงอารมณ์ ความรู้สึก และความรักที่แม่มีให้ต่อลูกได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ น้ำนมของแม่ยังถือเป็นอาหารที่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการใดๆ สามารถรับประทานได้เลยทันที
แต่ก็ต้องบอกว่าการให้นมลูกอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยสำหรับคุณแม่บางคน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่สำหรับคุณแม่บางคนแล้วกลับเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก เพราะร่าวกายไม่สามารถที่จะสร้างน้ำนมออกมาให้แก่ลูกได้มากเพียงพอ รวมไปถึงจะต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถให้ลูกดูดนมจะออกได้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่คุณแม่จะต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้เพื่อให้ลูกนั้นได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุดจากน้ำนมของคุณเอง
อีกหนึ่งประเด็นสำหรับการให้นมบุตรก็คือ เมื่อทารกมีอายุมากขึ้นมากกว่า1 ปี ยังสามารถให้ลูกดื่มนมแม่ได้อยู่หรือไม่ ซึ่งจริงๆแล้วลูกเองก็ยังสามารถที่จะดื่มนมแม่ไปได้จนกว่าน้ำนมของแม่จะหมด หรือลูกนั้นเลิกกินไปเอง เพราะในความเป็นจริงนมแม่ก็ยังมีประโยชน์มากกว่านมชนิดอื่นๆ
ดังนั้น หากลูกยังสามารถดื่มนมแม่ได้ก็ยังควรที่จะให้ลูกดื่มนมต่อไป แต่ควรจะต้องมีการให้อาหารอื่นเสริมเป็นอาหารหลักด้วย เพื่อให้ลูกน้อยไม่ขาดสารอาหารและมีพัฒนาการที่โตตามวัย รวมถึงป้องกันอาการติดเต้าด้วย ในส่วนของแม่ก็จะสามารถผลิตน้ำนมได้เรื่อยๆหากได้รับการกระตุ้นและมีการเอาน้ำนมออกมาอยู่เสมอ

การให้นมจากเต้าและการปั๊มนมไม่ได้ให้ผลที่แตกต่างกันในด้านของคุณค่าทางสารอาหารที่อยู่ในน้ำนม แต่สำหรับเด็กที่มีการดื่มนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดกับเด็กที่ไม่ได้รับนมจากแม่ อาจจะทำให้มีผลแตกต่างทางด้านสุขภาพ และจะสังเกตได้ว่าเด็กที่ได้รับนมจากแม่บ่อยๆจะไม่ค่อยป่วยบ่อย เหตุผลก็เพราะพวกเขาได้ภูมิต้านทานที่ดีมาตั้งแต่เด็ก เพราะในนมแม่มีภูมิต้านทานและเม็ดเลือดขาวที่จะลงไปเคลือบในคอและกระเพาะอาหารของเด็ก ทำให้เชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายไม่สามารถที่จะทำลายตัวเด็กได้ จึงเป็นผลให้ไม่ป่วยบ่อยนั้นเอง
อีกทั้ง นมแม่ยังส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูก ทั้งนี้ สมองของทารกจะถูกพัฒนาเพียงแค่ประมาณ 30% ในช่วงทารกเท่านั้น และอีก 70% จะถูกพัฒนาต่อในช่วง 6-7 ปีแรกของชีวิต โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการพัฒนาสมองก็คือ DHA ในน้ำนมแม่ ซึ่งถึงแม้ว่านมผงในปัจจุบันจะมีการเติม DHA เข้าไป แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์เทียบเท่ากับ DHA จากธรรมชาติที่มีอยู่ในนมแม่ แม้ว่านมผงจะมีวิวัฒนาการในการเติมสารที่มีประโยชน์ต่อทารกเพิ่มขึ้นมากเท่าไร แต่ก็ยังเทียบเคียงไม่ได้เท่ากับการได้รับสารอาหารหรือภูมิต้านทานที่ดีจากนมแม่อยู่ดี
เพราะฉะนั้นหากคุณแม่ท่านใดคลอดลูกมาแล้ว ก็ควรที่จะให้นมลูกให้ได้นานที่สุด เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดกับลูกน้อยของคุณเอง เพราะนมแม่ดีที่สุดแล้ว