หน้าไม่สมมาตรเพราะอะไร

เวลาที่เราลองส่องกระจกและสังเกตว่าใบหน้าของตัวเองไม่มีความสมมาตรกัน ข้างซ้ายและข้างขวามีบางส่วนของอวัยวะที่เล็กหรือใหญ่กว่าอีกส่วนที่ควรจะเป็น ซึ่งหากคุณคิดว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาของใบหน้าที่ไม่สมส่วนหรือไม่สมมาตรกันอยู่นี้ อาจจะทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างสูง เพราะคิดว่าจะมีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับตัวเองหรือไม่

แต่สิ่งที่ต้องแยกให้ออกก็คือ สิ่งไหนที่เรียกว่าอันตรายและสิ่งไหนไม่ได้อันตรายจนเกินไป ซึ่งในวันนี้เราจะมาลองเรียนรู้กันว่า การที่ใบหน้าของเราไม่สมมาตรกันมีปัจจัยมาจากสิ่งใดบ้าง และมีวิธีการใดบ้างที่จะพอแก้ไขปัญหานี้ได้

อะไรคือการใบหน้าที่ไม่สมมาตรกัน ให้เริ่มจากการที่คุณลองมองไปที่กระจก และสังเกตดูที่ใบหน้าของตัวเอง หากริมฝีปากข้างซ้ายและข้างขวาสูงต่ำไม่เท่ากัน หรือในกรณีที่เปลือกตาทั้งสองข้างเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เรียกว่าเป็นความไม่สมมาตรของใบหน้าทั้งสิ้น

หากเป็นในกรณีเล็กๆน้อยๆ และไม่ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดในขณะที่มีการขยับไปหน้ามากนัก ก็คงไม่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไขอะไร เพราะความไม่สมมาตรอาจจะเป็นเพียงแค่เหตุผลต่างๆ เช่น

การที่คุณอ้วนมีอายุมากขึ้น จนทำให้กระดูกบางส่วนหยุดเจริญเติบโต ในขณะที่บางส่วนยังคงมีการเจริญเติบโตอยู่ และเป็นที่มาของการที่ทำให้ใบหน้าบางส่วนทั้งซ้ายและขวาไม่เท่ากันได้

การที่คุณผ่านการรักษาทางทันตกรรม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าได้ เพราะเส้นประสาทบางเส้นอาจถูกกระทบกระเทือน อย่างไรก็ตาม อาการอาจจะเบาหรือรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ทันตแพทย์เลือกใช้ และปัญหาที่คุณมีอยู่ตั้งแต่เริ่มต้น

การที่คุณมีความผิดปกติมาตั้งแต่เกิดหรือเป็นพันธุกรรม ที่อาจจะเคยมีบุคคลในครอบครัวมีประวัติใบหน้าไม่สมมาตร ซึ่งเป็นความผิดปกติที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

การที่คุณใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างที่มีส่วนทำให้ใบหน้าเกิดความไม่สมมาตรขึ้นมาได้ เช่น การสูบบุหรี่ การนอนผิดท่าจนกดทับใบหน้าบางส่วน เป็นต้น

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นความผิดปกติที่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม มีลักษณะของอาการใบหน้าที่ไม่สมมาตรบางประการที่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเข้าสู่ภาวะที่ร้ายแรง และอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดสมองหรือการเป็นอัมพาต ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จำเป็นต้องแยกให้ออกระหว่างใบหน้าไม่สมมาตรแบบทั่วๆไป กับใบหน้าที่ไม่สมมาตรที่อาจจะทำให้เกิดโรคได้ หากคุณปล่อยอาการทิ้งไว้นานๆอาจจะทำให้คุณสามารถขยับใบหน้าได้น้อยลงเรื่อยๆ และเกิดปัญหาในการใช้ชีวิตอย่างยากลำบากได้

แล้วจะต้องทำอย่างไรหากมีปัญหาใบหน้าไม่สมมาตร ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบต่อโรคร้ายทางร่างกาย วิธีแก้ก็จะเป็นการปรับสมดุลของใบหน้า ดังต่อไปนี้

1 การฉีดฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดให้เจ็บปวด และยังเป็นวิธีที่ค่อนข้างที่จะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ควรจะต้องมีการสังเกตและมีการเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพดี และมีเครื่องหมายรับรอง ที่สำคัญต้องได้รับการฉีดจากแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยและมั่นใจว่าใบหน้าของคุณจะกลับมาสู่ภาวะสมมาตรตามเดิม ไม่ได้เป็นการฉีดที่ไม่ปลอดภัยและทำให้ปัญหาที่เคยมีทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

2 การปลูกถ่ายใบหน้า เทคนิคนี้เป็นเทคนิคในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับส่วนใหญ่ๆบนใบหน้า อย่างส่วนแก้มและคาง โดยจะมีการใช้วัสดุต่างๆเติมแต่งเข้าไป ไม่ว่าจะเป็น ซิลิโคน เจล พลาสติก หรือโปรตีนเฉพาะทางที่ใช้ในการเสริมความงามและสร้างสมดุลที่ดีให้กับใบหน้า

3 การแต่งหน้า หากปัญหาความไม่สมมาตรบนใบหน้าของคุณไม่ได้มีระดับที่รุนแรงอะไรมากนัก อาจมีเพียงแค่ความไม่เท่ากันในบางจุด ก็สามารถใช้เทคนิคการแต่งหน้าธรรมดาๆในการปรับให้ใบหน้าดูสมดุลกันได้มากขึ้น โดยอาจจะเป็นการคอนทัวร์ในส่วนที่ต้องการ เพื่อลดบางส่วนหรือเพิ่มบางส่วนด้วยหลักการของแสงและเงา ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอื่นๆแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องอาศัยฝีมือและศิลปะการแต่งหน้าเท่านั้น

4 การทำกายบริหารใบหน้า การทำกายบริหารใบหน้าอย่างถูกวิธีจะเป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และอาจจะทำให้ปัญหาความไม่สมดุลของใบหน้าลดน้อยลงได้

การหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าของตัวเองอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ควรที่จะทำอย่างต่อเนื่อง เพราะมันจะทำให้คุณได้รู้ว่า ณ เวลานั้นๆคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของร่างกายอยู่หรือไม่ หากเป็นปัญหาเล็กๆก็สามารถใช้วิธีการในการแก้ไขดังกล่าวข้างต้นได้ แต่หากเป็นปัญหาใหญ่ๆซึ่งเกิดขึ้นมาจากโรคบางอย่าง หรือความผิดปกติบางประการก็จำเป็นจะต้องแก้ไขให้ถูกจุด เพื่อให้สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขและมีสุขภาพที่แข็งแรงมากที่สุด

แม้ว่าใบหน้าของเราจะไม่สมมาตรกันทั้งซ้ายและขวา แต่ก็ต้องยอมรับว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรบางอย่างที่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกประการ เมื่อเจอปัญหาก็ค่อยๆปรับแก้ และเรียนรู้ที่จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสงบแล้ว