การดูแลสุขภาพ, บทความน่ารู้, บทความสุขภาพ, เกี่ยวกับโรค

SLE โรคร้ายทำลายภูมิ

SLE โรคร้ายทำลายภูมิ

โรคร้ายในชีวิตของเราสามารถเกิดขึ้นได้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวหลายๆทาง แม้ว่าเราจะพยายามดูแลตัวเองดีแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสุขภาพดีไปตลอดชีวิต โรคร้ายที่เกิดกับเราอาจจะเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตแบบผิดๆ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ทำให้เราใช้ชีวิตไป ทำร้ายตัวเองไปในเวลาเดียวกัน

แต่บางครั้งโรคร้ายที่เกิดขึ้นอาจจะไม่สามารถหาสาเหตุได้อย่างแน่ชัด และเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นจากตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นโรคที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นเพราะความผิดปกติจากเซลล์ภายในร่างกายซึ่งถูกกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นอาการของโรคที่รุนแรงได้

หนึ่งในโรคนั้นก็คือ การเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งถือเป็นโรคร้ายที่ยากที่จะควบคุม และถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่มีผู้ป่วยมากมายที่จะต้องทนทรมานกับโรคนี้ ซึ่งหากเมื่อใดที่เกิดโรคนี้กับคุณแล้ว คุณอาจจะรู้สึกไม่มีความสุข รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ และใช้ชีวิตได้ไม่เหมือนเดิม แต่เชื่อเถอะค่ะว่า…แม้ว่าโรคนี้จะน่ากลัว แต่วิวัฒนาการทางการแพทย์สามารถทำให้เรากลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ ภายใต้เงื่อนไขการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องป่วยเป็นโรคนี้ อย่าเพิ่งโทษโชคชะตาที่ทำให้คุณเกิดมาทุกข์ทรมาน แต่อยากให้เข้ามาอ่านวิธีการในการดูแลตัวเองเสียก่อน เพราะสิ่งนี้จะเปลี่ยนให้คุณกลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้งได้

SLE โรคร้ายทำลายภูมิ
SLE โรคร้ายทำลายภูมิ — ภาพจาก : https://www.thadaclinic.com/post/sle-systemic-lupus-erythematosus

โรคแพ้ภูมิตัวเองหรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ โดยภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อภายในร่างกายของตัวเอง จนทำให้เกิดเป็นการอักเสบและเกิดเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้กับอวัยวะหลายๆส่วนในร่างกาย โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่ป่วยเป็นโรค SLE มักจะเกิดขึ้นในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และมักจะเกิดขึ้นในช่วงวัยเจริญพันธุ์ โดยมีปัจจัยที่สัมพันธ์กันไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกรรมพันธุ์ หรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ

สำหรับปัจจัยกระตุ้นที่อาจจะทำให้โรคกำเริบมากขึ้น ก็ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการติดเชื้อภายในร่างกายจากสาเหตุอื่นๆ รวมไปถึงแสงแดดก็อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ผู้ป่วยแสดงอาการของโรค SLE ได้

อาการของโรค SLE จะเป็นการแสดงความผิดปกติในร่างกายที่เกิดขึ้นกับอวัยวะหนึ่งๆ หรืออาจจะเกิดขึ้นกับอวัยวะหลายๆส่วนพร้อมๆกันก็ได้ อาการเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน หรือต่างช่วงเวลากันออกไป อาจจะเป็นๆหายๆหรืออาจจะเป็นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ รวมไปถึงความรุนแรงของโรคก็มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล

อาการของโรค SLE ที่พบได้บ่อยๆกรณีทั่วไป ได้แก่ ปวดข้อ เป็นไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีผื่นตามผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้า ผมร่วง เลือดจาง เม็ดเลือดขาวหรือเกล็ดเลือดต่ำ แต่ถ้าอาการรุนแรงอาจจะมีอาการเม็ดเลือดแดงแตก ปอดหรือไตอักเสบได้

SLE โรคร้ายทำลายภูมิ
SLE โรคร้ายทำลายภูมิ — ภาพจาก : https://www.freepik.com/premium-photo/white-notebook-blue-wall-near-sheet-shefflers-stethoscope-syringe-electronic-thermometer-word-lupus-is-written-medical-concept_12773523.htm#page=1&query=lupus%20erythematosus&position=7

ในส่วนของการรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์จะต้องมีการสืบถึงประวัติของผู้ป่วย ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่กระตุ้นให้เกิดโรคดังกล่าวเพื่อจะได้แก้ให้ให้ตรงจุด รวมไปถึงการตรวจร่างกายผ่านทางห้องปฏิบัติการ เพื่อนำเอาผลต่างๆมาใช้ในการประกอบการวินิจฉัย ไม่ว่าจะเป็น การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ หรือการเอกซเรย์อวัยวะสำคัญ อย่าง หัวใจ และปอด สิ่งต่างๆนี้ก็จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยเพื่อแก้ไขอาการป่วยที่คุณกำลังเผชิญอยู่

ถึงแม้ว่าโรค SLE จะเป็นโรคที่ฟังดูแล้วน่ากลัว และเป็นโรคเรื้อรังที่อาจจะเป็นไปได้ตลอดชีวิต อีกทั้ง ยังต้องมีการรักษาตัวอย่างสม่ำเสมอ หรือติดตามอาการอยู่ตลอดเวลา เพราะหากเมื่อใดก็ตามที่คุณละเลยการติดตามอาการของโรค อาจจะทำให้โรคที่เคยสงบกลับมาสร้างความรุนแรงให้กับตัวคุณได้

ทั้งนี้ แต่ละคนก็จะมีความรุนแรงของอาการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะต้องผ่านการประเมินจากแพทย์เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา รวมไปถึงการให้ยาเพื่อบรรเทาอาการอักเสบ ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาเพื่อใช้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิเพื่อที่จะควบคุมโรค ซึ่งก็จะมีการใช้ยาที่แตกต่างกันออกไปตามความรุนแรงของโรค ไม่ได้ว่าจะต้องใช้ยาแรงในทุกกรณี

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองก็จำเป็นจะต้องมีการดูแลตัวเองให้มากกว่าคนปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การหลีกเลี่ยงแสงแดด การหลีกเลี่ยงโอกาสการรับเชื้อ และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ถูกต้องและสม่ำเสมอ รวมไปถึงการมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อให้การรักษาตัวเองเป็นไปในระยะเวลาที่สั้นที่สุดและสามารถหายได้อย่างรวดเร็ว

หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันอย่างที่ตัวเองต้องการได้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรคนี้ต้องการอย่างแน่นอน

แม้ว่าโรค SLE จะเป็นโรคที่ดูรุนแรง แต่ก็ยังคงมีวิธีการในการที่จะช่วยบรรเทาอาการหรือรักษาโรคได้ เพียงแต่คุณจะต้องมีวินัยในการดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะไม่ทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่หนักมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่ามันจะไม่หายยังขาด แต่ขอแค่ให้อาการนั้นทรงตัวและไม่กำเริบขึ้นมา ก็น่าจะทำให้คุณมีความสุขแล้ว