บทความน่ารู้, ลด น้ำ หนัก, สุขภาพน่ารู้, อาหารเพื่อสุขภาพ, เกี่ยวกับโรค, เสริมความงาม

อาหารบอกอารมณ์

    เป็นความจริงที่ว่า…อาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับเข้าไปให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงพลังงานเท่านั้นที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ แต่มนุษย์เราจำเป็นต้องได้รับสารอาหารบางอย่างให้ครบถ้วน เพื่อให้การทำงานของอวัยวะต่างๆรวมถึงสมองสอดประสานกันไปในทิศทางที่เหมาะสม

    อาหารจึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” ที่คนเราแสดงออกมาในแต่ละวัน เคยมั๊ย? ที่รู้สึกว่าหลังตื่นนอนตอนเช้า อารมณ์ของคุณกลับไม่แจ่มใสอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่ก็นอนหลับมาอย่างเต็มอิ่มตลอดคืน เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ อาจจะมีสาเหตุมาจากการขาดสารอาหารบางประการก็เป็นได้ วันนี้เรามาไขข้อสงสัย และตอบปัญหาที่ค้างคาใจให้หมดไปกันดีกว่าค่ะ

    ว่ากันว่า…ปัจจัยในร่างกายที่มีผลต่ออารมณ์ มีสาเหตุมาจากปัจจัย 2 แหล่งด้วยกัน คือ
อาหารและสารเคมีในสมอง ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะขอกล่าวถึงในที่นี้ หนีไม่พ้นสิ่งที่เราต้องรับประทานกันอยู่ทุกวัน และเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ร่างกายไม่สามารถขาดมันไปได้เลย สิ่งนั้นก็คือ “อาหาร” นั่นเอง

อาหารบอกอารมณ์
ภาพจาก : http://www.ctpost.com/healthyyou/mind/article/Food-Mood-Science-proves-connection-from-656250.php อาหารบอกอารมณ์


    เมื่อร่างกายของเราบริโภคอาหารเข้าไป อวัยวะต่างๆก็จะช่วยกันทำหน้าที่เพื่อบดลดขนาดชิ้นอาหารจากชิ้นใหญ่ๆ ให้เล็กลงๆ จนเราแทบจะมองไม่เห็น อาหารที่ถูกลดขนาดและย่อยเรียบร้อยจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อให้ร่างกายได้นำเอาไปใช้เป็นพลังงาน หากร่างกายของเรารับประทานอาหารที่มีแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่สูง ร่างกายก็จะต้องย่อยอาหารเหล่านั้นให้อยู่ในรูปของน้ำตาลกลูโคสที่สามารถดูดซึมไปใช้ได้ในปริมาณมาก กล่าวคือ ยิ่งเราบริโภคแป้งมากเท่าไร ร่างกายก็จะยิ่งดูดซึมน้ำตาลได้อย่างรวดเร็วมากเท่านั้น และเมื่อร่างกายดูดซึมกลูโคสเข้าสู่เส้นเลือดได้รวดเร็วเท่าไร ระดับกลูโคสก็จะยิ่งลดลงได้ไวมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการที่ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วนี้ อาจส่งผลให้เกิดคุณเกิดอาการอ่อนแรง หรือมีอารมณ์เซื่องซึมได้ง่ายมากขึ้นได้ ดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดอาการดังที่กล่าวมานี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งในปริมาณที่สูง เช่น ไอศกรีม ข้าวขาว ข้าวเหนียว มันฝรั่งบด เป็นต้น

    นอกจากนี้ ระดับน้ำตาลในเลือดอาจเกิดการแปรปรวนได้จากกรณีอื่นๆนอกเหนือจากการรับประทานคาร์โบไฮเดรตได้อีก เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อย่างอาหารประเภททอดหรือขนมขบเคี้ยวต่างๆ เนื่องจาก หลังจากรับประทานร่างกายเหล่านี้ จะทำให้ร่างกายรู้สึกหนัก อ่อนเพลียและง่วงมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอาหารเช้าและอาหารกลางวัน ทางที่ดีคือการพยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารในกลุ่มดังกล่าว เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้เกิดอารมณ์ที่ไม่ดีได้

อาหารบอกอารมณ์
ภาพจาก : http://lovelivinghealth.blogspot.com/2011/02/nine-mood-modifiers.html อาหารบอกอารมณ์


    ในทางตรงกันข้าม การปล่อยให้ตัวเองหิวจนทนไม่ไหว งดอาหารบางมื้อโดยเฉพาะอาหารเช้า หรือเว้นระยะเวลาการรับประทานอาหารระหว่างมื้อนานเกินไป ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดหัว เหนื่อยล้า มือสั่น หรือเหงื่อแตก ก็เป็นได้ วิธีที่กล่าวมานี้เป็นวิธีที่ผิด เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานชดเชยมากขึ้นจากมื้ออาหารที่ขาดหายไป และส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปต้องรับประทานให้มากขึ้นเพื่อชดเชยความหิวที่เกิดขึ้นเกินกว่าระดับปกติได้

    การขาดสารอาหารบางกลุ่มอาจจะมีผลให้คนบางคนมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ เช่น การขาดการบริโภคอาหารในกลุ่มที่มีกรดอะมิโนทริบโทเฟน (Tryptophan) อย่างนม กล้วย โยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต จะช่วยให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์สารเซอร์โรโทนิน (serotonin) ได้ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดโรคซึมเศร้าได้ หรือ การที่ร่างกายได้รับกรดโฟลิก (Folic acid) จากอาหารจำพวกบร็อกโคลี ถั่วลิสง ข้าวซ้อมมือ ไม่เพียงพอ ก็ส่งผลต่อการลดลงของระดับเซอร์โรโทนินในสมอง และย่อมส่งผลให้เกิดอากรซึมเศร้าได้เช่นเดียวกัน

    สำหรับบางคนที่ขาดวิตามินสำคัญอย่างไนอะซิน ก็มักจะส่งผลต่ออารมณ์ได้เช่นกัน คนที่ขาดวิตามินชนิดนี้มักจะหงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียบ่อยๆ ในกรณีที่ถ้าขาดมากๆ อาจทำให้เกอกอาการความจำเสื่อมเลยก็มี การขาดไนอะซินนี้จะพบมากในกลุ่มคนที่รับประทานข้าวโพดเป็นอาหารหลัก สำหรับประเทศไทยสามารถวางใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะยังไม่พบการขาดวิตามินชนิดนี้มากเท่าไรนัก

    หากอยากจะมีอารมณ์ที่แจ่มใสและมีความพร้อมที่จะรับมือกับเช้าวันใหม่ในทุกๆวัน แนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ อย่าอดหรืองดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง ส่วนอาหารที่เลือกรับประทานก็ควรเป็นอาหารที่มีแป้งไม่มากจนเกินไปหรือมีใยอาหารปนอยู่บ้าง เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยมาก เป็นต้น นอกจากนี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทอด ของมัน ๆเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และหันมารับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างกรดอะมิโนทริบโทเฟน กรดโฟลิก หรือไนอะซินให้มากเพียงพอ แนะอีกนิดด้วยการออกกำลังกายอาย่างต่อเนื่องเพียงวันละ 20 นาที ก็จะช่วยให้ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแอนโดรฟีนออกมาตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้ปกระเปร่า มีความสุข ลดความกังวลและคลายความเครียดลงได้

    ง่ายๆเพียงเท่านี้ รับรองว่าคุณจะมีร่างกายและอารมณ์ที่สดใสไปตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน

Sending
User Review
0 (0 votes)