ก็เพราะแสงแดดอันร้อนแรงที่คอยแผดเผาทำลายผิวหนังของเราอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะใครที่ต้องทำงานกลางแจ้งแล้วละก็ ครีมกันแดด SPF สูงเท่าไร ก็คงเอาไม่อยู่เป็นแน่
การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในสภาพแวดล้อมของประเทศไทยในปัจจุบัน จนเป็นผลทำให้ผิวหนังดูไม่สดใสเหมือนเดิม เกิดเป็นฝ้า หรือทำให้ผิวหนังหมองคล้ำลงได้ง่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของสารที่ทำให้ผิวขาวถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้กันมากขึ้น แต่ทราบหรือไม่ค่ะว่า การเลือกสารบางตัวเข้ามาบำรุงผิว อาจเกิดผลลัพธ์ที่ตรงข้ามกับที่คุณคิดหรือคาดหวังเอาไว้ก็เป็นได้

สารตัวหนึ่งที่จัดว่าเป็นอันตรายมากๆ และได้รับการยืนยันจากงานวิจัยทางการแพทย์แล้วว่าไม่ควรซื้อมาใช้เองเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ สารที่มีชื่อว่า “ไฮโดรควิโนน (hydroquinone)”
แม้ว่าสารตัวนี้จะเคยโด่งดังและเป็นที่ยอมรับอย่างมากในการใช้ปรับสีผิวในอดีต แต่ในปัจจุบันที่มีความก้าวหน้าของวิทยาการทางการแพทย์มากขึ้น สารตัวนี้ก็ถูกค้นพบว่าไม่เหมาะสมในการใช้เพื่อเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางเพื่อทำให้ผผิวขาวอีกต่อไป ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
ไฮโดรควิโนน มีคุณสมบัติในการฟอกสีผิว (skin bleaching) หรือทำให้ฝ้าดำจางหายไปได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลได้อย่างทันตา โดยเฉพาะถ้าใช้ผสมกับสารในกลุ่มวิตะมิน A (Vitamin A) และสเตอรอยด์ (Steroid) จะยิ่งทำให้เห็นผลชัดเจนขึ้นไปอีก สำหรับกลไกในการฟอกผิวของไฮโดรควิโนน จะเป็นการออกฤทธิ์เพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase enzyme)
ที่ทำหน้าที่เปลี่ยน ‘ไทโรซีน (Tyrosine)’ ในผิวหนังให้กลายเป็นเม็ดสี ‘เมลานิน (Melanin)’ การที่ผิวหนังถูกยับยั้งให้ให้เกิดเป็นเมลานิน ก็ย่อมส่งผลให้เรามีผิวที่ขาวขึ้นได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากสารไฮโดรควิโนนมีข้อจำกัดยุ่งยากพอสมควรเพื่อจะทำให้มันแสดงประสิทธิภาพในการทำให้เกิดผิวขาวได้มากที่สุด เช่น จำเป็นต้องใช้ร่วมกับครีมกันแดด หรือต้องมีช่วงระยะการใช้งานที่เหมาะสม เป็นต้น
แต่อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้แหละค่ะ ว่าสารชนิดนี้ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อผู้ใช้เป็นอย่างมาก เพราะ การใช้สารไฮโดรควิโนนส่งผลทำให้เกิดการแพ้ การระคายเคืองต่อผิวหนัง และทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้นได้ หลักการในการทำร้ายผิวของสารชนิดนี้ เกิดจากการที่สารตัวนี้จะไปกระตุ้นให้เส้นเลือดแดงบริเวณผิวหนังเกิดการขยายตัว ทำให้ผิวหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง และเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ง่ายเมื่อผิวหน้าโดนแสงแดดหรือความร้อน อีกทั้งยังทำให้เกิดการระคายเคือง และผิวลอกได้ง่ายด้วย หากผู้ใช้เริ่มรู้ตัวหรือเห็นว่าอาการเริ่มไม่ดี ก็มักจะหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆโดยทันที แต่การหยุดใช้อย่างกระทันหันนี้ไม่ได้ช่วยให้อาการที่เป็นทุเลาลงแต่อย่างใดค่ะ แต่จะยิ่งทำให้ฝ้าที่เคยเป็นกลับมาเป็นหนักมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก สารไทโรซีนที่ต้องการกำจัดจะไปคั่งอยู่ที่ผิวหนัง และมันก็ถูกเปลี่ยนเป็นเม็ดสีเมลานินอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้การรักษาฝ้ายากยิ่งขึ้นไปมากกว่าเดิม

นอกจากนี้ ยังพบอีกด้วยว่า การใช้ยาชนิดนี้อย่างต่อเนื่องยาวนานเกิน 6 เดือน อาจทำให้เกิดปัญหาฝ้าดำถาวร และเกิดจุดด่างขาวแทรกขึ้นมาได้ด้วย ทำให้ผิวหน้าของคุณแลดูกระดำกระด่าง และยากที่จะรักษาให้กลับมาเหมือนเดิม
ปัญหาส่วนสุดท้ายที่ถือเป็นปัญหาใหญ่ ก็คือสารไฮโดรควิโนนจัดเป็นสารก่อกลายพันธุ์ใน Salmonella และมีความเป็นพิษต่อเซลล์ (cytotoxicity) เมื่อนำมาวิเคราะห์ตามวิธีการทางการแพทย์ พบว่า สารตัวนี้มีค่าความเป็นพิษที่แสดงด้วยค่า LD50 ในหนูทดลองสูงถึง 320 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และยังพบอีกด้วยว่า มีฤทธิ์เป็นสารก่อกลายพันธุ์และก่อให้เกิดมะเร็งในหนูทดลองได้
จริงอยู่ที่ในปัจจุบัน ‘สารไฮโดรควิโนน’ จะถูกสั่งห้ามให้ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายโดยทั่วไป แต่แพทย์ก็ยังสามารถจ่ายยาชนิดนี้เพื่อรักษาฝ้าหรือแก้ปัญหาผิวหนังให้แก่ผู้ป่วยได้ตามตามความเหมาะสม เนื่องจากปริมาณที่แพทย์ใช้จะไม่มากเท่ากับที่เราพบเจอในครีมทาผิวหรือเครื่องสำอาง การรักษาด้วยสารชนิดนี้จึงยังพอจะใช้ได้หากมีการควบคุมตามวิถีทางที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เพียง ‘สารไฮโดรควิโนน’ เท่านั้น ที่สามารถรักษาอาการผิวหมองคล้ำจากการแผดเผาของแสงแดดหรือรังสีอัลตร้าไวโอเลตได้ แต่ในปัจจุบัน มีการคิดค้นสารตัวใหม่ๆหรือเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผิวหน้าได้ให้ดีมากขึ้นได้ ทั้งยัง มีความปลอดภัยที่มากกว่าวิธีการรักษาแบบเก่าๆด้วย ส่งผลให้’สารไฮโดรควิโนน’ ค่อยๆถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำของผู้ใช้ พร้อมกับการต้อนรับน้องใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีเทียบเท่าหรือมากกว่าเข้ามาแทนที่
จะเห็นได้ว่าการจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าสักตัว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบภายในของมันเป็นอย่างมาก เพราะหากขาดความรู้ความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ ก็อาจส่งผลให้คุณตกเป็นเครื่องมือของผู้ผลิตได้ง่ายแบบไม่รู้ตัว