ภาวะท้องลมคืออะไร
คู่สามีภรรยาหลายๆคนล้วนแต่อยากที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน มีลูกน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจและเป็นคนที่จะคอยเติมเต็มความรักความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งการตั้งครรภ์ของคุณแม่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความยากลำบาก จนทำให้หลายครั้งบางท่านก็อาจจะมีความสับสนว่าตัวเองนั้นตั้งท้องอยู่จริงหรือไม่? ทำให้บางครั้งอาจจะเกิดเป็นภาวะ ‘ท้องลม’ หรือ ‘ท้องหลอก’ ขึ้นมา
ในวันนี้เราจะมาลองศึกษารายละเอียดของอาการท้องลมกันดูว่ามันคืออะไรกันแน่?
ภาวะท้องลมหรือเรียกอีกชื่อว่าท้องหลอก (Phantom Pregnancy) เป็นภาวะที่คุณผู้หญิงคิดว่าตัวเองมีการตั้งครรภ์ มีลักษณะเหมือนกับคนแพ้ท้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้ตั้งครรภ์แต่อย่างใด ถือเป็นความผิดปกติที่สามารถพบได้ แต่มีโอกาสเกิดไม่สูงมากนัก ในทางการแพทย์จะมีชื่อเรียกว่า Pseudocyesis นั่นเอง
อาการท้องหลอกสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง หากเกิดขึ้นในเพศชายมักจะเกิดขึ้นจากการที่คุณสามีมีความเห็นอกเห็นใจในภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ จนทำให้เกิดเป็นอาการแพ้ท้องแทนภรรยานั่นเอง แล้วสาเหตุของอาการท้องหลอกเกิดขึ้นได้อย่างไร ลองมาหาคำตอบกันค่ะ
ปัจจัยสำคัญของอาการนี้เกิดขึ้นมาจากจิตใจซึ่งไม่ปกติ และพยายามโน้มน้าวให้ตัวเองเชื่อว่ากำลังเกิดการตั้งครรภ์อยู่ จึงทำให้มีการแสดงออกอาการทั่วไปคล้ายๆกับคนตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็น การคลื่นไส้ อาเจียน เต้านมคัดตึง ประจำเดือนขาดหาย หรือแม้กระทั่งการมีท้องที่โตมากขึ้น เป็นต้น เมื่อผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ ก็ย่อมส่งผลให้ระบบต่อมไร้ท่อหรือต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนของสตรีที่ต้องมีในขนาดการตั้งครรภ์ออกมา โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรแลคติน
ในส่วนของข้อมูลโปรแลคตินจะมีหน้าที่สำคัญในการกระตุ้นให้เต้านมเตรียมพร้อมต่อการผลิตน้ำนมให้ลูกน้อย ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและสรีระที่มีหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้น หัวนมมีสีคล้ำขึ้น และมีการผลิตน้ำนมออกมา สำหรับบางคนอาจจะมีอาการคล้ายๆกับคนท้องนานหลายๆเดือน ทั้งๆที่ไม่มีการตั้งครรภ์จริงๆจนถึงในเวลาหนึ่งอาการเหล่านี้ก็จะหายไป

ทั้งนี้ สาเหตุที่แท้จริงของอาการท้องหลอกยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีความคาดหวังอยากจะตั้งครรภ์มานาน แต่ยังไม่สมหวังสักที จนทำให้สภาพจิตใจไม่ปกติ และพยายามโน้มน้าวตัวเองรวมไปถึงคนรอบข้างให้เชื่อว่าตัวเองนั้นกำลังตั้งครรภ์จริงๆ
อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าอาการท้องหลอกเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่โอกาสในการเกิดนั้นไม่มากเท่าไหร่นัก ตามรายงานที่เคยระบุไว้ก็มักจะเกิดขึ้นประมาณ 1-2 รายในทุกๆ 20 ราย ทั้งนี้อาการท้องหลอกไม่ได้เกิดเฉพาะขึ้นในมนุษย์เท่านั้น ในสัตว์ก็อาจจะมีอาการท้องหลอกได้เช่นกัน เช่น ในสุนัขและหนู ซึ่งอาจจะเคยเห็นว่าสุนัขตัวเมียมักจะมีความรู้สึกผูกพันกับของเล่นอย่างมากจนคิดว่าเป็นลูกของมันเอง
สำหรับผู้หญิงที่มีอาการท้องหลอกก็จะมีอาการที่แสดงออกแตกต่างกันออกไป แต่หลักๆที่เหมือนกันก็คือ การมีความเชื่อว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ และกำลังจะมีลูก อาการที่พบบ่อยที่สุด ก็คือ การที่มีหน้าท้องที่ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจจะมีอาการอื่นๆที่สามารถพบได้อีก เช่น ประจำเดือนขาดหาย รู้สึกว่ามีเด็กเคลื่อนไหวอยู่ในท้อง อยากรับประทานอาหารมากขึ้น มดลูกขยาย หน้าท้องใหญ่ขึ้น หน้าอกมีการเปลี่ยนแปลง หรือเจ็บท้องหลอก เป็นต้น
อาการเหล่านี้เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคุณผู้หญิงแต่ละคน ซึ่งแต่ะคนจะแสดงออกแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย สภาพจิตใจ ซึ่งต้องตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ ในส่วนของระยะเวลาของอาการท้องหลอกอาจจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน เป็นสัปดาห์ หรือหลายเดือนก็ได้

สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าแล้วทำไมอาการท้องหลอกถึงสามารถทำให้ท้องโตขึ้นได้ ทั้งๆที่ไม่ได้มีการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ เหตุผลส่วนใหญ่ก็มาจากการที่คนที่คิดว่าตัวเองตั้งท้องมักจะมีการรับประทานอาหารเข้าไปมากกว่าปกติเพื่อให้เป็นอาหารของลูกน้อย จนทำให้เกิดเป็นอาการน้ำหนักขึ้น หรืออาจจะเป็นสาเหตุของการมีแก๊สสะสมในลำไส้ หรือการมีความเครียดที่สะสมอยู่ในร่างกาย จนเกิดเป็นอาการท้องโตขึ้นมานั่นเอง
ทั้งนี้ โอกาสของการเกิดอาการท้องหลอกจะพบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีวัยตั้งแต่ 33 ปีขึ้นไป และประมาณ 60% จะเกิดขึ้นในคนที่แต่งงานแล้ว ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการท้องหลอก เช่น อาจจะเคยใช้เทคนิคในการช่วยการเจริญพันธุ์มาก่อน เคยแท้งลูกมาก่อน มีความผิดปกติในอวัยวะสืบพันธุ์ หรือมีความผูกพันกับสมาชิกในครอบครัวที่กำลังตั้งครรภ์จนกระตุ้นให้ตัวเองรู้สึกมีอารมณ์ร่วมในการตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน
สำหรับวิธีการในการรักษา ก่อนอื่นก็ต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ตั้งครรภ์จริงๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากการตรวจเลือดหรือปัสสาวะ รวมไปถึงการอัลตราซาวด์เพื่อยืนยันว่าไม่มีการเจริญเติบโตของทารกในร่างกายของคุณ หลังจากเชื่อมั่นแล้วว่าทุกสิ่งนั้นเป็นเพียงความคิดที่ไม่ถูกต้อง คุณไม่ได้ตั้งท้องจริงๆ จึงเข้าสู่กระบวนการการรักษาอาการท้องหลอกต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาอาการท้องหลอกได้โดยตรง แต่มันจะต้องเป็นการรักษาทางจิตใจ ซึ่งอาจจะมีการให้ยาต้านซึมเศร้า ยาคลายเครียด หรืออาจจะมีการใช้ยาปรับฮอร์โมนสำหรับคนที่มีปัญหากันในเรื่องของประจำเดือนที่ขาดหายไป อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับ ก็คือ้กำลังใจจากคนรอบข้าง ซึ่งต้องคอยปลอบประโลมกับความผิดหวังเสียใจนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีมากที่สุด