อาการคันที่ผู้หญิงต้องระวัง
คุณผู้หญิงเป็นเพศที่จำเป็นจะต้องดูแลร่างกายให้ละเอียดลออมากกว่าคุณผู้ชาย ไม่ใช่แค่เพราะต้องรักสวยรักงาม แต่เพราะอวัยวะบางส่วนของเพศหญิงมีความซับซ้อนและบอบบาง โดยเฉพาะอวัยวะบางส่วนที่มีความบอบบางและง่ายต่อการติดเชื้อ ที่ผู้หญิงจำเป็นจะต้องมีการดูแลให้ดีมากที่สุด และคอยระวังไม่ให้เกิดอาการผิดปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการสืบพันธุ์ในอนาคต
อวัยวะส่วนที่สำคัญที่มักที่จะมีปัญหาในเรื่องของอาการคัน ก็คือ จุดซ่อนเร้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีโอกาสที่จะเกิดความอับชื้น และเป็นสาเหตุของการสะสมตัวของเชื้อรา จนนำไปสู่ปัญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การมีกลิ่น อาการตกขาว มีความคันระคายเคือง หรือเกิดอาการอักเสบรุนแรง จนไปถึงการเกิดเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงไม่ต้องการที่จะพบเจอ และคงจะดีกว่าหากสามารถรู้วิธีในการดูแลที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงอาการคันของ ‘จุดซ่อนเร้น’ กันว่าสาเหตุมันเกิดมาจากอะไร และควรที่จะมีการดูแลรักษาอวัยวะส่วนนี้อย่างไร เพื่อให้ผู้หญิงไม่ต้องทนทรมานกับอาการที่น่ารำคาญอย่างนี้
อาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เพราะผิวหนังบริเวณนี้จะค่อนข้างอ่อนโยนและแพ้ง่าย โดยสาเหตุของอาการคันที่พบมากที่สุด ก็คือ การติดเชื้อรา ซึ่งมีผลให้เกิดอาการคันได้ทั้งภายในและภายนอกช่องคลอด หรืออาจจะเกิดมาจากการใช้ผ้าอนามัยที่มีความอับชื้นเป็นเวลานาน หรือมีการเปลี่ยนผ้าอนามัยไม่เป็นไปตามช่วงเวลาที่ควรจะเป็น รวมไปถึงอาการแพ้ต่างๆ เช่น แพ้น้ำยาซักผ้า แพ้น้ำยาล้างทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เป็นต้น ก็สามารถที่จะเป็นสาเหตุของอาการคันได้เช่นเดียวกัน
อาการคันจากเชื้อราที่อวัยวะเพศของผู้หญิงเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน ทั้งนี้ พบว่า ผู้หญิงประมาณครึ่งหนึ่งต้องเคยเป็นอาการดังกล่างอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต และอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ต้องพบเจออาการเช่นนี้บ่อยมากกว่า 4 ครั้งต่อปี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ และจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน
สิ่งสำคัญสิ่งที่ต้องรู้ ก็คือ หากเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกมีอาการคัน ห้ามเกาเด็ดขาด ไม่ว่าจะใช้สิ่งของบางอย่างถูหรือใช้มือเกาเพื่อบรรเทาอาการคัน เพราะผิวหนังบริเวณนั้นค่อนข้างบอบบาง อาจจะเกิดอาการอักเสบเรื้อรัง และอาจจะก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งต่อไปได้ในอนาคตได้
ส่วนของการทำความสะอาดก็ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้น้ำยาที่เฉพาะเจาะจงพิเศษ เพียงแค่การใช้น้ำเปล่าที่สะอาดในการล้างบริเวณภายนอกก็เพียงพอแล้ว การนำน้ำฉีดสวนล้างเข้าไปในช่องคลอดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจจะทำให้เสียสภาวะสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีภายในช่องคลอด และจะทำให้เกิดเป็นอาการเสี่ยงต่อการอักเสบหรือทำให้เกิดกลิ่นได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ก็คือ ไม่ควรที่จะใช้แป้งฝุ่นหรือแป้งอะไรก็แล้วแต่ทาในบริเวณจุดซ่อนเร้นโดยอันขาด เพราะเคยมีงานวิจัยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะว่า…การทาแป้งอาจจะทำให้เกิดเป็นความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ได้

สิ่งที่ดีที่สุดจึงเป็นการพยายามลดความเสี่ยงของการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ไม่ดีในช่องคลอด ด้วยการกำจัดภาวะการอับชื้น การเปลี่ยนแผ่นอนามัยหรือผ้าอนามัยบ่อยๆตามช่วงเวลาที่เหมาะสม หากมีการออกกำลังกายแล้วมีเหงื่อออกก็ควรที่จะทำความสะอาดร่างกายทันทีโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้นานเพื่อป้องกันการอับชื้น
ในส่วนของการสวมใส่เสื้อผ้า ก็ควรที่จะเลือกใส่เสื้อผ้าแบบไม่ฟิตจนเกินไป ไม่ควรใส่กางเกงรัดรูป เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีของผิวหนังบริเวณจุดซ่อนเร้น รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียบ่อยๆ
ทั้งนี้ หากใครเกิดเป็นอาการคันในบริเวณจุดซ่อนเร้นขึ้นมา ในปัจจุบันก็มีการใช้ยาในการรักษาการหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ยารับประทาน ยาทา หรือยาสอด ซึ่งยาชนิดต่างๆก็ล้วนแต่มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อโรค มีการใช้อย่างแพร่หลาย และได้รับการศึกษารับรอง ยกตัวอย่างเช่น ยาโคลไทรมาโซล เป็นต้น
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ยาจำเป็นจะต้องทำอย่างถูกต้อง หากมีการใช้ยาที่ผิดประเภทอาจจะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรค หรือมีอาการที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมได้
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ก็คือ การพยายามดูแลจุดซ่อนเร้นไม่ให้อับชื้น เพื่อลดอาการตกขาว ลดการระคายเคือง หรือลดการเกิดกลิ่นที่ยั่งยืนและดีที่สุด การดูแลจุดซ่อนเร้นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนจำเป็นต้องทำ และมันคงไม่ยากเกินไปที่คุณจะดูแลจุดซ่อนเร้นให้ปลอดภัย
เชื่อเหลือเกินว่าถึงแม้ว่าตอนนี้คุณอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอาการคันของจุดซ่อนเร้น แต่หากมีการดูแลด้วยวิธีที่ถูกต้องและใส่ใจดูแลมันอยู่เสมอ รู้จักวิธีการในการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี อาการต่างๆเหล่านี้ก็จะค่อยๆหายไปในเร็ววันอย่างแน่นอน และหากดูแลอย่างต่อเนื่องเรื่อยไป ก็จะได้ไม่ต้องพบเจอกับอาการคันในอนาคตอีกแน่ๆ