ซาวน่าไปเพื่ออะไร

การออกกำลังกายเป็นการทำให้ร่างกายสูญเสียเหงื่อ และเป็นการเร่งการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้น ลดน้ำหนักลง หรือทำให้ผิวพรรณผ่องใส แต่อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถที่จะเรียกเหงื่อได้เช่นเดียวกัน ก็คือ “การอบซาวน่า” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการที่จะเผาผลาญพลังงาน และมักจะทำควบคู่กันไปกับการออกกำลังกาย เพื่อที่จะเร่งการเผาผลาญให้มากขึ้น และช่วยให้คุณใช้เวลาในการลดน้ำหนักสั้นลง

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการซาวน่ามีประโยชน์อีกมากมายหลายประการ ทั้งความผ่อนคลายและการช่วยบำรุงผิวพรรณ ซึ่งเราจะมากล่าวถึงกันในวันนี้

หากพูดถึงประวัติศาสตร์ของการอบซาวน่า ต้องบอกว่าการอบซาวน่าเกิดขึ้นมาบนโลกนี้หลายพันปีมาแล้ว วัฒนธรรมของมนุษย์ในสมัยก่อนมีการทำความร้อนเพื่ออบซาวน่า เนื่องจากมีความเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ชาวโรมัน ชาวมายัน หรือชาวฟินแลนด์ ก็ล้วนแต่มีประสบการณ์ในการอบซาวน่ามาแล้วทั้งนั้น

จากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของการอบซาวน่า จะเห็นว่าการซาวน่า็ได้ถูกพัฒนาให้มีความทันสมัยขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งในปัจจุบันเรามักจะพบว่าการซาวน่าจะทำในห้องที่ทำจากไม้ และมีการอาศัยความร้อนด้วยการเผาหินด้วยฮิตเตอร์ หรืออาจจะเป็นอุปกรณ์ทำความร้อนที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการควบคุมความร้อนอยู่ที่อุณหภูมิ 70 ถึง 100 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมที่จะทำให้ผิวหนังเรียกเหงื่อออกมาได้

การอบซาวน่าจะทำให้อุณหภูมิที่ผิวหนังของคุณเพิ่มขึ้นมาได้ถึงประมาณ 40 องศาเซลเซียส และจะช่วยทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้คุณสูญเสียเหงื่อออกมา แม้จะใช้เวลาในการอบซาวน่าไม่นานนั่นเอง

สำหรับประโยชน์ของการอบซาวน่า ก็พบว่าสามารถช่วยได้หลากหลายส่วนดังต่อไปนี้

1 บรรเทาอาการปวด

สำหรับใครที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อต่างๆ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นมาจากการออกกำลังกายอย่างหนัก สามารถใช้การใช้อำนาจในการเยียวยาร่างกาย และทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งก็จะช่วยในการลดอาการปวด หรือลดอาการอักเสบของข้อต่อต่างๆได้

2 ช่วยผ่อนคลายความเครียด

การที่คุณเข้าไปอาศัยตัวอยู่ในห้องอบซาวน่า แม้จะใช้ระยะเวลาไม่นานแต่มันสามารถทำให้คุณผ่อนคลายและเกิดความรู้สึกที่สดชื่นหลังจากได้สูญเสียเหงื่อในช่วงเวลาสั้นๆได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ

3 การบำรุงผิวพรรณ

คนที่มีการอบซาวน่าอยู่เรื่อยๆจะช่วยทำให้ผิวพรรณคุณดูผ่องใสมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้ว่ามีผู้หญิงหลายๆคนเสพติดการอบซาวน่า เพราะเขาต้องการที่จะบำรุงผิวพรรณให้ดีมากขึ้นนั่นเอง มากไปกว่านั้นการอบซาวน่ายังสามารถลดอาการของโรคบางอย่างได้อีกด้วย เช่น โรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น หากคนเหล่านี้ได้รับการบำบัดด้วยการอบไอน้ำก็จะมีอาการที่ดีขึ้นได้

4 แก้ไขอาการภูมิแพ้

เนื่องมาจากการเข้าไปอยู่ในห้องซาวน่าจะเป็นห้องที่มีอุณหภูมิที่สูงมากขึ้น ดังนั้น จึงช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจของคุณโล่งมากขึ้น หายใจได้สะดวกมากขึ้น หากมีเสมหะก็จะช่วยให้หายไปได้ และยังช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ที่เคยเป็นได้เป็นอย่างดีด้วย

5 บำรุงหัวใจ

เชื่อว่าการอบซาวน่าเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ มีงานวิจัยจากประเทศฟินแลนด์ที่เคยทดลองกับอาสาสมัครที่มีการอบซาวน่าเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ซึ่งพบว่าอาสาสมัครเหล่านั้นจะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้น้อยลงกว่าอาสาสมัครที่มีการอบซาวน่าด้วยความถี่น้อยกว่านั้น ทั้งนี้ ก็เป็นเพราะว่าการอบซาวน่าจะช่วยลดระดับความเครียดลงได้ จึงทำให้สุขภาพกายใจแข็งแรงไปด้วย

ถึงแม้ว่าการอบซาวน่าจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คุณก็ต้องไม่ลืมว่าคนที่เข้าไปในห้องอบซาวน่าควรที่จะต้อง มั่นใจว่าร่างกายของตัวเองแข็งแรง ไม่เป็นหวัด หรือไม่เป็นโรคที่จะเกิดการแพร่เชื้อให้กับคนอื่นๆได้ เนื่องมาจากในห้องซาวน่ามีความชื้นและความร้อนสูง อาจจะทำให้เกิดการแพร่ของเชื้อโรคจากสารคัดหลั่งต่างๆ จากคนสู่คนได้

สุดท้ายแล้ว เราคงไม่สามารถใช้การซาวน่าเพื่อทำให้ร่างกายของเรามีความแข็งแรงได้เพียงอย่างเดียว การออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยยังเป็นสิ่งสำคัญที่ควรที่จะทำ รวมไปถึงจำเป็นที่จะต้องมีการทราบถึงข้อปฏิบัติตนที่ถูกต้องในการอบซาวน่าให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ ภาวะความดันโลหิตต่ำ หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งจะนำไปสู่การเสียชีวิตได้

สิ่งที่คุณควรรู้อีกอย่าง ก็คือ การใช้เวลาอยู่ในห้องซาวน่าแต่ละครั้งไม่ควรนานเกินกว่า 20 นาที และจำเป็นที่จะต้องคอยสังเกตตัวเองอยู่เสมอว่ายังไหวอยู่หรือไม่? เกิดปัญหาสุขภาพใดๆหรือไม่? และหลังจากทีjอบซาวน่าเสร็จแล้ว ควรที่จะรอให้อุณหภูมิของร่างกายลดลงทีละนิดๆ ก่อนที่จะไปอาบน้ำ เพราะการที่อุณหภูมิร่างกายลดลงอย่างรวดเร็วแบบกะทันหัน อาจจะมีผลต่อความดันโลหิต และเกิดเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

สิ่งที่ต้องไม่ลืมสิ่งสุดท้าย ก็คือ การเติมน้ำกลับเข้าสู่ร่างกาย เพราะหลังจากที่เรามีการอบซาวน่า ร่างกายจะสูญเสียน้ำในปริมาณมาก ดังนั้น จึงต้องพยายามเติมน้ำกลับเข้าไปสู่ร่างกาย เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำนั่นเอง